0 Free Program Singapore Trip 4 Day 3 Night

แชร์… ทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน เที่ยว Universal Studios กินเมนูเด็ด ปูผัดซอสพริก โจ๊กกบ เก็บ Landmark เกือบครบ (ตามแพลน) ไปด้วยตัวเองได้

หลังจากสถานะการณ์โควิดมา ประเทศแรกๆ ที่เริ่มเปิดประเทศ คนไทยแห่กันไปเที่ยว ราคาไม่แรง เที่ยวด้วยตัวเองได้ ก็ไม่พ้นสิงคโปร์นะครับ ผมเองก็รีบไปเลยครับ ไปมาแล้วก็อยากมาแชร์ทริป เที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ให้เพื่อนได้อ่านกันครับ เผื่อใครอยากจะตามรอย ไปด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาทัวร์ครับ แอบมีผิดแผนบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่ก็สนุกมากเลยครับ ส่วนของไฮไลท์การเที่ยวสิงคโปร์รอบนี้ของผมก็จะเป็น Universal Studios, Garden by The Bay และ Singapore Flyer ครับ ผมเคยไปสิงคโปร์มาแล้วรอบนึง แต่นานมากกกก แล้วครับ ตอนนั้นยังไม่มี Garden by The Bay และ Signapore Flyer ครับ รอบนี้เลยไปเก็บซักหน่อย ส่วนของ Universal Studio เคยไปแล้วครับ แต่ห่างเหินจากการท่องเที่ยวมานานกว่า 2 ปี การเที่ยวสวนสนุกต้องมาแล้วครับ ห้าๆๆๆๆๆ

ก่อนจะดูรีวิวทริปแบบเต็มๆ ผมแชร์โปรแกรมให้ก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ เผื่อใครไม่อยากอ่านจนจบครับ (แต่ฝากอ่านและติดตามเพจ หาเรื่องกิน ฟินเรื่องเที่ยว หน่อยน้า) ห้าๆๆๆๆ ส่วนของโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ปรับปรุงแล้วนะครับ ก่อนหน้านี้ผมแพลนไว้หลวมๆ แบบว่าปรับเปลี่ยนวันได้ตามสถานการณ์ครับ แต่เพลนที่แชร์นี้ เป็นเพลนที่สามารถทำได้จริง ตามเวลาการเดินทางจริงครับ นำไปใช้กันได้เลยครับ

วันที่ 1 ของการเดินทาง

  • 04.00 – 06.00 น. ตื่นนอน เช็คอินที่สนามบินดอนเมือง
  • 06.10 – 09.35 น. บินจากดอนเมืองสู่ประเทศสิงคโปร์
  • 09.35 – 10.30 น. รับกระเป๋าต่อคิวเข้า ตม.
  • 10.30 – 12.00 น. เดินเล่น The Jewel Changi Airport ถ่ายรูปกับ The Rain Vortex น้ำตกในร่มในกลางห้าง
  • 12.00 – 13.00 น. กินมื้อเที่ยงที่ Shake Shack
  • 13.00 – 14.30 น. เดินทางไปเช็คอินที่โรงแรม V Hotel Lavender
  • 14.30 – 17.30 น. เดินเล่น ถ่ายรูป Fort Canning Park Tree Tunnel (อุโมงต้นไม้), Ministry of Communications & Information (MCI) (หน้าต่างสีรุ้ง), Merlion Park (เมอร์ไลออน พาร์ค) กินไอติมตัดร้านลุง
  • 17.30 – 18.30 น. กินมื้อเย็นที่ Song Fa Bak Kut Teh (New Bridge Road)
  • 19.45 – 20.15 น. เดินกลับมาดูแสงสีที่ Merlion ชมการแสดงยิงไฟแสงสียิงจากตัวตึก Marina Bay Sands
  • 20.15 – 21.00 น. กลับโรงแรมนอนพักผ่อน

วันที่ 2 ของการเดินทาง

  • 07.30 – 09.30 น. ตื่นนอนอาบน้ำแต่งตัว กินมื้อเช้าที่ Food Center ข้างโรงแรม
  • 09.30 – 11.30 น. เดินทางไปเกาะเซ็นโตซ่า ถ่ายรูปที่ Siloso Beach (ชายหาดบนเกาะเซ็นโตซ่า)
  • 11.30 – 13.00 น. เดินทางไปกินข้าวที่ Food Center ด้านหน้า Universal Studios
  • 13.00 – 18.00 น. เที่ยว Universal Studios สิงคโปร์ เก็บเครื่องเล่นให้เยอะที่สุด ห้าๆๆๆ
  • 18.00 – 21.00 น. เดินทางไปกินโจ๊กกบ Eminent Frog Porridge ย่าน Geylang
  • 21.00 – 21.30 น. กลับโรงแรมนอนพักผ่อน

วันที่ 3 ของการเดินทาง

  • 08.00 – 09.00 น. ตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัว
  • 09.00 – 10.00 น. กินมื้อเช้าที่ Ya Kun Kaya Toast แถว China Town
  • 10.00 – 12.00 น. เดินเล่น ถ่ายรูป ย่าน China Town ไหว้พระที่ Buddha Tooth Relic Temple (วัดพระเขี้ยวแก้ว) ถ่ายรูปที่ ร้าน Potato Head Folk (ร้านหัวมุมสวยๆ) มุมนิยม
  • 12.00 – 13.00 น. กินมื้อเที่ยงที่ Tian Tian Hainanese Chifcken Rice ที่ศูนย์อาหารแม็กเวล
  • 13.00 – 15.00 น. เดินเล่น ถ่ายรูป Library@Orchard กินติม Llaollao นั่งเล่นในห้างช็อปปิ้งเบาๆ ย่าน Orchard
  • 15.00 – 20.3o น. เดินทางไปเที่ยว Gardens by the Bay หาอะไรกินเบาๆ ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ รองท้อง รอดู Gardens by the Bay Light Show รอบ 19.45 น.
  • 20.30 – 21.30 น. เดินทางไปขึ้น Singapore Flyer
  • 21.30 – 22.30 น. เดินทางไปกิน Haidilao ที่ Clarke Quay
  • 22.30 – 23.00 น. กลับโรงแรมนอนพักผ่อน

วันที่ 4 ของการเดินทาง

  • 09.00 – 10.30 น. ตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัว กินมื้อเช้าหน้าโรงแรม
  • 10.30 – 13.20 น. เดินเล่น กินปูผัดซอสพริก มื้อเที่ยงที่ร้าน JUMBO Seafood ที่ The Jewel Changi Airport
  • 13.20-15.20 เช็คอินที่สนามบินชางงี
  • 15.20-17.00 บินจากสิงคโปร์กลับไทย สนามดอนเมือง

ส่วนของทริปสิงคโปร์ทั้งหมดของผมก็ประมาณนี้เลยครับ ใครอยากจะตามรอยก็สามารถ Copy แพลนนี้กันได้เลยครับ ส่วนของรายละเอียดการเดินทาง รายละเอียดการท่องเที่ยวและรูปสวยๆ อ่านต่อได้จากนี้เลยครับผม

เริ่มกันเลยนะครับ การเดินทางของผมทริปนี้ เริ่มกันตั้งแต่เช้ามืดเลยครับ ตั้งใจว่าไปถึงที่สิงคโปร์สายๆ จะได้เที่ยวกันแบบเต็มๆ ไม่เสียเวลาไปฟรีๆ กับวันแรกครับ พอไปถึงก็เริ่มเที่ยวที่ The Jewel Changi Airport กันเลยครับ พอไปถึงแงๆๆๆ ทำไมน้ำตกไม่มีน้ำไหล ห้าๆๆๆๆ เลยไปถามที่ Infomation เค้าบอกว่าน้ำตกจะเปิดตอน 11 โมงครับ เลยไปนั่งเล่น เดินเล่นรอบๆ กันก่อนครับ ส่วนของที่ The Jewel Changi Airport ก็จะเป็นห้าง Shopping กันได้ครับ ส่วนของด้านบนก็มีกิจกรรมให้เราเล่นกันนิดหน่อยครับ แต่หลักๆ ของผมจะเน้น Shopping และถ่ายรูปกับ The Rain Vortex น้ำตกในร่มในกลางห้างครับผม ส่วนของกระเป๋าเดินทางตอนแรกก็คิดว่าจะเอาไปฝากที่ล็อคเกอร์ครับ แต่เห็นราคาแล้ว ไม่ฝากดีกว่าครับ ใบนึงประมาณ 500 บาทครับ เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกับการเดินเล่น ลากกระเป๋าเดินทางไปด้วยละกันนะครับ ห้าๆๆๆ

ประมาณใกล้ๆ 11 โมงก็แอบไปรอดูน้ำตกเริ่มไหลลงมา ถ่ายคลิปลง Story กันครับ

จริงๆ ก็เหมือนได้ 2 บรรยากาศนะครับ ก่อนจะมีน้ำตก และตอนน้ำตกไหลลงมาแล้วครับ ไปถึงลุ้นมากครับ คิดว่าน้ำตกปิดปรับปรุงครับ ห้าๆๆๆ

หลังจากที่เดินเล่น ถ่ายรูปกับน้ำตกเรียบร้อยก็ได้เวลาใกล้ๆ เที่ยงพอดีครับ

แวะกิน Shake Shack ในสนามบินกันไปเลยครับ ถ้าที่นี่ก็ใหญ่ใช้ได้เลยนะครับ ช่วงนั้นคนไทยไปนิยมไปกินกันมากครับ เลยไม่พลาดที่จะลองกินครับ ส่วนของ Shake Shack ที่สิงคโปร์มีหลายสาขานะครับ

ส่วนของรีวิวเต็มๆ ของ Shake Shack คลิกอ่านที่ลิงค์กันได้เลยนะครับ

วิธีการซื้อ วิธีการกิน เมนูแนะนำ และรสชาติ อ่านเพิ่มเติมกันได้ครับ แต่ส่วนตัวผมว่า อาหารรสชาติเค้าเค็มมากครับ แต่เท่าที่อ่านรีวิวจากคนอื่นๆ ที่เคยกิน เค็มคือปกติครับ ห้าๆๆๆๆ

หลังจากที่กิน Shake Shack เสร็จ ก็เดินทางมาเช็คอินที่โรงแรมครับ

ส่วนของทริปนี้ผมเลือกเป็นโรงแรม V Hotel Lavender ครับ เนื่องจากการเดินทางสะดวกครับ เดินขึ้นจากรถไฟใต้ดิน สถานี Lavender ก็ถึงโรงแรมเลยครับ ส่วนของการเดินทางจากสถานบินมาที่โรงแรม ผมเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าครับ

เราสามารถค้นหาวิธีการเดินทางง่ายๆ ด้วย Google Map ครับ ส่วนของ Google Map จะบอกทั้งหมดว่าให้เดินทางไปทางไหน ผ่านสถานีอะไรบ้างและเปลี่ยนสถานที่ที่ สถานไหนครับ

อันนี้เป็นตัวอย่างการเดินทางจากสนามบินไปโรงแรมครับ

ถ้าเราอยู่ที่สนามบินสามารถเลือกเป็นตำแหน่งที่เราอยู่ได้เลยครับ เลือกรูปแบบการเดินทางของเราเป็นขนส่งสาธารณะครับ ส่วนของการเดินทางจะมีหลายทางเลือกครับ ผมจะเลือกการเดินทางที่เดินน้อย เดินใกล้ที่สุดครับ

พอกดเข้าไปด้านในก็จะมีบอกว่าให้เดินไกลเท่าไหร่จะถึงสถานีและต้องเข้าทางเข้าทางไหนครับ

การเดินทางจะผ่านกี่สถานีและเปลี่ยนสถานีที่ไหนครับ ต่อสายอะไรครับ

พอถึงปลายทางก็บอกว่าให้ออกทางออกไหนและเดินอีกเท่าไหร่ครับ

ถ้าในการใช้งานจริง เราสามารถแท็กการเดินทางได้ตลอดครับ ว่าถึงตรงไหนแล้วครับ ส่วนของการเดินก็บอกทิศทางในการเดินด้วยนะครับ สะดวกมากๆ ครับ ผมใช้วิธีการเดินทางโดยใช้ Google Maps เป็นหลักเลยครับ

ส่วนของ Google Map สามารถใช้ได้กับรถเมล์ที่สิงคโปร์ด้วยนะครับ บอกได้เลยครับ ว่าให้ขึ้นรถเมล์สายไหน ที่ป้ายไหน รถเมล์จะมาถึงกี่โมง รถเมล์ที่นี่ตรงเวลามากครับ

อ้อ… ส่วนของการจ่ายเงินขนส่งสาธารณะ บางคนจะซื้อบัตรโดยสารที่สิงคโปร์กันครับ แต่ผมใช้บัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ Paywave ได้เลยครับ ตอนที่ผมไป ผมใช้บัตรของ City Bank ครับ บางสถานที่บางการใช้งานมีส่วนลดด้วยครับ โดยเฉพาะใช้ที่ Universal ครับ มีส่วนลดด้วยครับ ช่วงนั้นน่าจะมีโปรโมชั่นพอดีครับ

กลับมาที่โรงแรม V Hotel Lavender ของเรากันบ้างนะครับ

สำหรับโรงแรมนี้ผมเห็นรีวิวทั้งดีและไม่ดีครับ ส่วนตัวผมเจอห้องดีนะครับ พนักงานก็พูดไทยได้นิดหน่อย พยายามพูดภาษาไทยกับเราครับ แต่บางครั้งพูดไทยกับเรา เราก็ไม่รู้เรื่องครับ ห้าๆๆๆ

บางคนบอกว่าห้องไม่ดี ห้องไม่สะอาด ส่วนตัวผมเจอห้องดี ห้องใหม่ ห้องสะอาดครับ ที่นี่เค้าจะทำความสะอาดห้องวันเว้นวันนะครับ ถ้าใครไปหลายวันเหมือนผมครับ ส่วนของชั้นที่ผมไปพักเหมือนทางโรงแรมเค้าทะยอย Renovate ครับ น่าจะมีปิดโรงแรมไปบ้างช่วงโควิดครับ

สำหรับข้อดีของโรงแรมนี้ คือเดินทางสะดวก ด้านล่างมีของกินและร้านสะดวกซื้อครับ แต่ข้อเสียในส่วนตัวของผมคือ ห้องเล็กโดยเฉพาะห้องน้ำยิ่งเล็กมากๆ เลยครับ ส่วนของห้องก็ตามภาพเลยครับ

ส่วนตรงนี้เป็นห้องน้ำครับ ห้องอาบน้ำเล็กมากกกกก น่าจะประมาณ 1×1 เมตรเลยครับ ห้าๆๆๆๆ ผมสูง 168 ซม. อาบน้ำไปศอกชนกระจกบ่อยมากครับ

ไม่อยากคิดเลยครับ ว่าถ้าเป็นฝรั่งตัวใหญ่ๆ จะเป็นยังไงครับ ห้าๆๆๆๆ

วิวของห้องพักก็พอใช้ได้ครับ

หลังจากที่เก็บของที่โรงแรมเสร็จก็ได้เวลาออกไปเดินเล่นครับ จากโรงแรมผมก็ใช้วิธีการนั่งรถไฟใต้ดินแล้วเดินต่อครับ ไปกันที่ Fort Canning Park Tree Tunnel (อุโมงต้นไม้) ครับ เห็นแบบนี้ ต่อคิวถ่ายรูปนานใช้ได้เหมือนกันครับ

คนมาต่อคิวถ่ายรูปมุมนี้กันเพียบเลยครับ แต่จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แบบว่ามาเที่ยวเองครับ

หลังจากนั้นก็ไปต่อกันที่ Ministry of Communications & Information (MCI) (หน้าต่างสีรุ้ง) สวยดีครับ

สีสรรสดใส สวยเลยครับ มุมนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ครับ เลือกมุมถ่ายกันได้ตามชอบเลยครับ

ส่วนของการเดินทางส่วนใหญ่วันแรกผมเน้นใช้รถไฟฟ้าและเดินครับ

ถ้าเดินไหว เดินเล่นกันได้นะครับ บ้านเมืองเค้าสวยดีครับ เดินเล่นไป ถ่ายรูปไป อย่างช่วงไป Merlion Park ช่วงนี้ตึกแถวๆ นั้นสวยมากครับ ผมก็เลือกที่จะเดินไปกันครับ เดินไปถ่ายรูปไป บรรยากาศชิล ไม่ร้อนมากครับ

เดินเล่นมาซักพักก็ถึงแล้วครับ วิวนี้ต้องมาถ่ายรูปกันนะครับ มุมนิยม ที่ทุกคนต้องมา…

ถ้ามาสิงคโปร์ครับ ถ่ายรูปเล่นกันยาวปายครับ แถวนี้คนจะเยอะหน่อยครับ ถ่ายรูปแบบปลอดคนยากมากครับ

นั่งชิลๆ พักผ่อนกินน้ำอยู่ที่นี่พักใหญ่ครับ ตามหาลุงขายไอติมตัดด้วยครับ

แต่… ไม่เจอลุง คิดว่าจะไม่ได้กินแล้วครับ

ระหว่างทางเดินไปกินมื้อเย็นที่ Song Fa Bak Kut Teh (New Bridge Road) เจอลุงไอติมตัดอยู่แถวนี้ครับ

แวะซื้อซิครับ รออะไร ห้าๆๆๆๆ

ส่วนของไอตมราคาประมาณ 30 บาทครับ มีหลายรสชาติให้เลือกครับ

วันนี้ผมเลือกเป็นรสมะม่วงครับ น่าจะสดชื่นดีครับ ไอติมจะเป็นไอติมแท่งยาวๆ แล้วลุงก็จะตัดเป็นชิ้นๆ ห่อด้วยแป้งบางกรอบครับ เวลาที่กัดก็กัดทั้งแป้งและไอติม อร่อยมากครับ สดชื่น แนะนำให้ลองครับ

ส่วนของตำแหน่งของการขายเหมือนลุงแกจะวนขายไปเรื่อยๆ ครับ ผมเจอลุงแถว office zone ช่วงเย็นๆ พออีกวันไปเจอลุงที่ Orchard ครับ อันนี้น่าจะต้องลุ้นกันเอาเองนะครับ ว่าจะเจอมั๊ยครับ ห้าๆๆๆ

ส่วนของมื้อเย็นวันแรกผมไปกิน Song Fa Bak Kut Teh (New Bridge Road) ครับ

กินตอน 6 โมงครับ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวต้องกลับไปดูแสงสีครับ เลยมากินกันก่อนครับ ส่วนของ Song Fa Bak Kut Teh อร่อยมากครับ ส่วนของรีวิวเต็มคลิกที่ลิงค์แล้วเข้าไปอ่านกันได้นะครับ มีรายละเอียดเมนูอาหารการกิน การเดินทางเพิ่มเติมให้ในรีวิวแยกครับ

ส่วนตัวผมชอบมากครับ อร่อยมากครับ ใครไปที่สิงคโปร์แนะนำให้ไปลองต้นตำรับกันซักหน่อยนะครับ

หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จผมก็กลับมากันที่ Merlion Park มาดูการแสดงยิงไฟแสงสียิงจากตัวตึก Marina Bay Sands คนเยอะพอสมควรเลยครับ

ส่วนของการแสดงจะมีเวลา 20.00, 21.30 และ 23.00 ครับ การแสดงใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ

ส่วนของการแสดงแสงสีก็จะประมาณตามภาพด้านล่างนี้เลยครับ

การแสดงช่วงค่ำนี้บริเวณนี้จะมี 2 จุดให้ดูกันได้ครับ คือ ฝั่ง Merlion Park ที่ผมดูอยู่ตอนนี้ และฝั่งริมน้ำข้างตึก Marina Bay Sands ฝั่ง Louis Vuitton ครับ อีกฝั่งนึงผมเคยดูมาแล้วครับ รอบนี้เลยมาดูแสงสีที่ฝั่งนี้ดูบ้างครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าไปดูฝั่งริมน้ำข้างตึก Marina Bay Sands สนุกกว่าครับ จะมีทั้งแสงสีและเสียงครับ ฝั่ง Merlion Park เงียบมากครับ เห็นแต่แสงสีและเลเซอร์ครับ

ใครที่มาครั้งแรก ผมแนะนำให้ไปดูฝั่งริมน้ำข้างตึก Marina Bay Sands ฝั่ง Louis Vuitton ดีกว่าครับ มีทั้งแสดงสีและเสียงครับ ไม่ได้เห็นจากระยะไกลแต่ ผมว่าอลังกว่าครับ ^^

วันแรกของการเดินทางแอบเหนื่อย หลังจากดูการแสดงเสร็จ จัด Taxi กลับโรงแรมกันซิครับ ตื่นเช้ามาขึ้นเครื่องบิน แถมยังเดินเที่ยวต่อทั้งวัน ส่วนของค่า Taxi จาก Merlion Park ไปโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 450 บาทครับ

ส่วนของค่า Taxi โดยประมาณ เราก็สามารถดูได้จาก Google Map นะครับ

ส่วนของการเดินทางบางที่ผมว่าใช้บริการ Taxi ก็สะดวกไม่ต้องเดินไกล และบางครั้งราคาไม่ต่างกับรถไฟฟ้าเท่าไหร่ ถ้าไปกันหลายคนนะครับ แต่ถ้าถูกสุดก็ต้องใช้บริการรถเมล์เลยครับ ถูกจริงๆ ครับ

จบการท่องเที่ยววันแรกครับ

ส่วนของการท่องเที่ยววันที่ 2 ผมอาบน้ำแต่งตัวกันก่อนแล้วลงไปกินข้าวที่ Food Center ด้านล่างโรงแรมก่อนลงรถไฟใต้ดินครับ ตอนจองโรงแรมกับ Agoda แอบเห็นว่ามีฟรีอาหารเช้า แต่พอมาถึงกลับไม่มีครับ แอบงงครับ

แต่ก็ถือว่าได้ราคาโปรโมชั่นมาไม่แพงเท่าไหร่ครับสำหรับที่พักครับ

ส่วนของด้านล่างโรงแรมอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ครับ ว่าของกินเยอะมากครับ วันแรกก็ไปกินกันที่ Food Center ถ้าเป็นบ้านเรา Food Center จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แต่ที่สิงคโปร์ร้านดังๆ ร้านอร่อยอยู่แต่ใน Food Center ทั้งนั้นเลยนะครับ ห้าๆๆ หลังจากที่กินแล้ว อร่อยเลยครับ มีอาหารให้เลือกหลากหลายครับ

หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จวันนี้เราให้ทั้งวันกับ Universal Studio Singapore ครับ ช่วงที่ผมไป ทาง Universal เหมือนเค้ายังไม่เปิดให้บริการแบบเต็มที่ครับ เวลาเปิดให้บริการจะเป็น 12.00-18.00 น. ครับ และเครื่องเล่นบางตัวก็ยังไม่เปิดครับ

ช่วงเช้ายังพอมีเวลาเลยเลือกที่จะนั่งรถเมล์ครับ นั่งกันยาวๆ ถือว่าเป็น City Tour ไปในตัวครับ

แล้วก็ต่อไปที่ Siloso Beach กันก่อนครับ

สำหรับที่เกาะเซ็นโตซ่า และ Siloso Beach เงียบเหงามากครับ

ตอนแรกผมเกือบที่จะมาพักบนเกาะเซ็นโตซ่าครับ แต่ขี้เกียจย้ายของบ่อยๆ ครับ แต่พอได้มาเที่ยวหลังโควิดที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมากครับ เงียบเหงามาก ถ้าเทียบกันก่อนหน้านี้ครับ ก่อนหน้านี้ผมว่า พัทยา ภูเก็ต บ้านเราเลยนะครับ

แต่อีกซักพักผมว่าถ้าจะกลับมาเหมือนเดิมครับ

ไปเที่ยวช่วงที่ผมไปก็แอบไม่มีอะไรครับ ถ่ายรูปที่ Siloso Beach แล้วก็กลับไปที่ Universal Studio กันครับ

ส่วนของการเดินทางบนเกาะเซ็นโตซ่ายังไม่กลับมา 100% ครับ ช่วงที่ผมไปนะครับ

รถที่พาไปที่ชายหาดก็ช้าๆ หน่อย กว่าจะกลับมาที่ Universal ก็เกือบเที่ยงแล้วครับ คนเยอะมากกกกก รีบเร่งเลยครับ ทีนี้ แวะกินข้าวที่ Food Center ที่ด้านหน้า Universal Studio กันก่อนครับ คนเยอะมากกกกกก

กินก่อนเข้าไปดีสุดครับ ข้างในคนเยอะและอาหารค่อนข้างราคาสูงครับ

ส่วนของการรีวิว Universal Studio แบบเต็ม คลิกอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่ลิงค์เลยครับ การซื้อตั๋ว วิธีการเข้า เครื่องต่างๆ เป็นยังไง อะไรต้องไปเล่นบ้าง ในลิงค์เลยครับผม

สำหรับที่ Universal Studio ถือว่าคุ้มมากครับ รอบนี้ผมซื้อบัตรเอ็กเพรสมาด้วยครับ เก็บเครื่องเล่นได้เยอะเลยครับ

เล่นยาวๆ ตั้งแต่ประมาณบ่ายโมงจน 6 โมงเย็น Universal ปิดพอดีครับ

ซื้อตั๋ว ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ (Universal Studio Singpore) ล่วงหน้าได้เที่ยวชัวร์ ไม่ต้องกลัวตั๋วหมด คลิกเลย

หลังจากที่เที่ยว Universal Studio ทั้งวันเหนื่อยๆ วันนี้แอบผิดแผนครับ

พอเที่ยวเสร็จ ออกมาด้านนอกประมาณ 6 โมงครึ่ง ฝนตกหนักมากครับ ดีนะครับ ที่ไม่ตกหนักตอนที่เล่นอยู่ช่วงกลางวันครับ แผนของวันนี้ตั้งใจว่าจะไปกิน JUMBO Seafood ที่ Clarke Quay ครับ แต่ติดฝนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงได้ออกเดินทางครับ สำหรับใครที่เป็นคนขี้หิว ที่ด้านหน้า Universal Studio จะมีคาสิโนและห้างนะครับ สามารถกินแถวนั้นแล้วค่อยกลับโรงแรมนอนกันได้ครับ

แต่ผมยังไม่ละความพยายามและยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลยนั่งรถไฟใต้ดินไป Clarke Quay ครับ พอไปถึง JUMBO รอคิว 2 ชั่วโมงครับ ถ้าไม่จองมาก่อน โอ้วโนวววววววว ตอนนั้นน่าจะประมาณ สองทุ่มกว่าแล้วครับ รอ 2 ชั่วโมง ร้านปิด 4 ทุ่ม จะได้กินรึปล่าวก็ไม่รู้ เลยเปลี่ยนแผนครับ

เห็นเพื่อนที่ไปเที่ยวมาก่อนหน้านี้ ไปกินโจ๊กกบมา 2 วันติดครับ ไปซิครับ รออะไร ห้าๆๆๆๆ เริ่มจะหิวแล้ว จัด Taxi ไปกันเลยครับ (ระหว่างนี้ก็มีผิดเพลนอีกพอสมควรครับ) แต่ก็ปิดท้ายคืนนี้ด้วย โจ๊กกบ Eminent Frog Porridge (The Michelin Guide) ครับผม อร่อยมากกกกกกก ถ้าอยู่ต่อน่าจะไปซ้ำจริงๆ ครับ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการรอคิว รออาหารที่นานใช้ได้เลยครับ แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยอยู่นะครับ ใครที่กินกบได้แนะนำให้ไปลองกันครับ

ส่วนของรีวิวเต็มๆ รายละเอียดของร้าน Eminent Frog Porridge คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์เลยครับผม

วันที่ 2 ของการท่องเที่ยว เหนื่อยแต่สนุกมากครับ

เที่ยว Universal Studio ทั้งวัน ผิดแผนมื้อเย็นกว่าจะได้กินข้าว กว่าจะกินข้าวเสร็จ ประมาณ 5 ทุ่มครับ จับ Taxi กลับโรงแรมนอนกันครับ อ้อ… โจ๊กกบจะอยู่ย่าน Geylang ย่านอโคจรนิดนึงนะครับ และหา Taxi กลับยากด้วยนิดนึงครับ

หมดไปอีก 1 วัน นอนหลับฝันดีครับ

เช้าวันที่ 3 วันนี้ผมตื่นสายกันหน่อยครับ ตื่นกันประมาณ 8-9 โมง ครับ เริ่มเหนื่อยจาก 2 วันที่ผ่านมา วันนี้ชิลๆ เดินเล่น กินมื้อเช้ากันที่ China Town ครับ ระหว่างทางก็ผ่านเมืองสวยๆ ก็แวะถ่ายรูปกันไปครับ

ส่วนของมื้อเช้าวันนี้ เรามากิน Ya Kun Kaya Toast อาหารเช้าต้นตำรับสไตล์สิงคโปร์ครับ

ถึงแม้ว่าที่ไทยก็มีแต่ไหนๆ ก็มาสิงคโปร์แล้ว ต้องไปกินแบบต้นตำรับกันซักหน่อยนะครับ ส่วนของรีวิวเต็มๆ ของ Ya Kun Kaya Toast อ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์เลยครับ เมนูแนะนำ ร้านสวยมั๊ย คลิกอ่านเพิ่มเติมได้เลยครับ

หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จ ก็เดินเล่นกันที่ China Town ชมบ้านเมือง ศิลปะตามผนังตึก ถ่ายรูปสวยๆ กันครับ

แวะไปไหว้พระกันที่ Buddha Tooth Relic Temple (วัดพระเขี้ยวแก้ว), Sri Mariamman Temple (วัดศรีมาริอัมมันต์ วัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์) แต่ช่วงที่ผมไปซ่อมครับ เลยไม่ถ่ายรูปมา… เศร้า

เดินเล่นกันยาวๆ และปิดท้ายกันที่ ร้าน Potato Head Folk (ร้านหัวมุมสวยๆ) Landmark ที่คนไทยชอบไปถ่ายรูปกันครับ ส่วนของการเที่ยวเช้านี้ สามารถเดินถึงกันได้ทั้งหมดเลยนะครับ เดินรวมๆ ก็น่าจะ 2 กม. ได้ครับ แต่เดินเพลินๆ ครับ

เดินเล่นไป เดินเล่นมาก็ได้เวลามื้อกลางวันครับ

มื้อเที่ยงของวันนี้ผมไปกินข้าวมันไก่ Tian Tian Hainanese Chicken Rice ที่ศูนย์อาหารแม็กซ์เวลกันครับ ไก่ฉ่ำ อร่อยมากครับ ผมว่าต้องไปกินนะครับ ถ้าใครมีแผนไปเที่ยวแถวๆ China Town กันอยู่แล้วครับ

ส่วนของข้าวมันไก่ Tian Tian Hainanese Chicken Rice ก็มีรีวิวเต็มๆ ให้อ่านกันนะครับ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์เลยครับผม

หลังจากที่กินข้าวเสร็จวันนี้ยังพอมีเวลาครับ เลยเดินทางไปที่ถนน Orchard ครับ กะว่าจะไป Shopping ซักหน่อยครับ

แต่เห็นหลายคนไปแล้วชอบไปถ่ายรูปกันที่ Library@Orchard สวยมากครับ

ไม่ค่อยมีคนไปถ่ายรูปเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ไปเองนะครับ ทัวร์ไม่น่าจะพาไป เลยน่าสนใจครับ สำหรับที่นี่ ต้องเงียบนิดนึงนะครับ ทาง Library@Orchard เค้าให้เข้าไปถ่ายรูปได้และมีจุดให้ยืนถ่ายรูปเลยครับ แต่ห้ามส่งเสียงดังครับ

ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยเลยนะครับ

ยังพอมีเวลานั่งพักผ่อน อยากกินไอติม Llaollao มาหลายวันแล้วครับ แต่ยังไม่มีจังหวะเลยครับ

ตอนนี้ยังพอมีเวลา นั่งพักผ่อน นั่งพักขา เลยซื้อไอติม Llaollao มานั่งกินกันครับ ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อครับ มีอีก 2 ภาระกิจสำหรับวันนี้ครับ กินเสร็จแล้วก็ลุยกันต่อเนอะ วันหลังๆ เริ่มมีความขี้เกียจ เริ่มใช้แต่ Taxi ครับ ห้าๆๆๆ

จาก Orchard Road แล้ว เราก็มาต่อกันที่ Gardens by The Bay ครับ จาก Orchard มา ผมนั่ง Taxi กันมาครับ ถ้านั่งรถไฟมาจะเดินไกลมากครับ ประมาณ 1 กม. กว่าจะถึงด้านในครับ

ส่วนของการรีวิวเต็มๆ ของ Gardens by The Bay คลิกอ่านที่ลิงค์ได้เช่นเดิมครับผม มีอะไรเที่ยวบ้าง​ ซื้อตั๋วยังไง ราคาเท่าไหร่ อ่านเพิ่มเติมกันได้เลยครับ

ส่วนของ Gardens by The Bay ผมก็อยู่กันยาวๆ เลยครับ ตั้งแต่ประมาณ 4 โมงกว่าถึงประมาณ 2 ทุ่มกว่าครับ เที่ยว Flower Dome, Cloud Forest และ Supertree Grove ดูแสงสีครับ แอบรองท้องกันนิดหน่อยด้วยไก่ทอดและเฟรนช์ฟรายส์ครับ

ซื้อตั๋ว การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay) ล่วงหน้าไม่ต้องไปต่อคิวให้เมื่อย สะดวกดี คลิกเลย

หลังจากที่เสร็จจากการดูแสงสี กะว่าจะไปนั่ง Singapore Flyer กันต่อครับ จะนั่งรถไฟไปก็เดินไกลมากเลยกลับไปหา Taxi ด้านหน้าทางเข้าครับ แต่ที่นี่แนะนำเลยครับ Taxi หายากมากครับ วางแผนกันดีๆ นะครับ Taxi ที่จอดรอมีแต่ Taxi Limousine (รถ Alphard) ครับ ก็จะแพงกว่าปกติหน่อยครับ เหมือนผูกขาดยังไงก็ไม่รู้ครับ ห้าๆๆ แอบไม่ค่อยชอบ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมครับ จาก Gardens by The Bay ไป Singapore Flyer ไม่ไกลเลยครับ รู้สึกว่าประมาณ 800-900 บาทครับ ลองตัดสินใจกันดูนะครับ ถ้าใครจะไปตามแผนผมตามนี้ครับ

พอมาถึง Singapore Flyer ก็โล่งๆ ชิลๆ ครับ ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ขึ้นไปกันได้เลยครับ

สำหรับผมส่วนตัว ผมว่าถ้าขึ้นกลางวันน่าจะสวยกว่าและถ่ายรูปสวยกว่าครับ แต่วันนี้วันสุดท้ายของทริปนี้ครับ พรุ่งนี้กลับแล้วครับ ไม่มีเวลาแล้ว ใครอยากมาขึ้น Singapore Flyer ช่วงกลางวันลองปรับแผนกันดูนะครับ

ส่วนของค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 900 บาทครับ ราคาแรงอยู่นะครับ

แต่เคยไป London Eye แล้ว มาสิงคโปร์ก็ต้องมา Singapore Flyer กันนิดนึงครับ ห้าๆๆๆๆ

ถ่ายด้านในก็จะมืดๆ หน่อยครับ มือต้องนิ่งนิดนึง

วิวสิงคโปร์ยามค่ำคืนก็จะประมาณนี้เลยครับ

ถ่ายรูปเล่นชมวิวกันยาวปายครับ นั่งได้ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ

เสร็จจาก Singapore Flyer แล้ว หารถยากอีกแล้วครับ เดินออกมาไกลมากครับ จากด้านในครับ

กว่าจะมาถึงที่เรียกรถ Taxi ได้ก็ 1 กม. กว่าได้เลยครับ พอดีตอนที่ออกมา Singapore Flyer ปิดพอดีครับ เลยต้องเดินออกมาด้านนอกถนนเองครับ ลำบากไม่แพ้ Gardens by The Bay เลยครับ ห้าๆๆๆ มืด ไม่ค่อยมีคนด้วยครับ

ออกมาได้แล้ว แอบหิวหน่อยๆ ตอนนั้นน่าจะสามทุ่มกว่าเกือบ 4 ทุ่ม ก็คิดอยู่ว่ากินอะไรกินดี

พรุ่งนี้กลับไทยแล้ว เลยไปเดินเล่น หาอะไรกินที่ Clarke Quay กันครับ

คนเยอะมากกกกก ย่านเที่ยวกลางคืน ย่านวัยรุ่น Dance กันเต็มไปหมดเลยครับ ใครชอบไปเที่ยวแนวนี้ ลองไปกันดูได้ครับ ส่วนของผม ไปกิน Haidilao กันครับ ดึงแล้วแต่ก็ยังมีคิวครับ บริการ อาหารคล้ายที่ไทยเลยครับ แต่เหมือนอาหารแต่ละจานเค้าจะปริมาณเยอะกว่าครับ แต่ราคาก็แรงตามไปด้วยนะครับ มื้อนั้นหมดไป 4 พันได้ครับ ห้าๆๆๆ

อิ่มท้อง กินอะไรอุ่นๆ แล้วกลับโรงแรมนอนพักผ่อนกันครับ

วันสุดท้ายของทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน วันนี้ตอนแรกว่าจะไป City Tour อีกซักหน่อย แต่ก็ไม่ไหวครับ

เมื่อคืนหนักเลยครับ ก็เลยตื่นสายหน่อยประมาณ 9 โมงครับ ลงมากินอาหารเช้าที่หน้าโรงแรมกันก่อน แล้วค่อยกลับขึ้นไปอาบน้ำ เก็บของและเช็คเอ้าท์ครับ ลากกระเป๋าไปสนามบินกันครับ

อีก 1 ความตั้งใจในการมาสิงคโปร์ครั้งนี้ของผมก็คือ การกิน ปูผัดพริก (Chilli Crab) ครับ

แอบพลาดไปในวันแรกๆ กะว่าจะไปกินที่ JUMBO แต่คิวยาวเหยียด ใครที่อยากกินแนะนำให้มากินที่สนามบิน The Jewel Changi Airport ครับ ไม่ต้องรอคิวครับ แต่อาจจะต้องมาช่วงเช้านะครับ ซักประมาณ 11 โมงยังได้ครับ พอเที่ยงไม่รู้คนมาจากไหนเยอะแยะครับ คิวยาวเหยียดครับ แอบลุ้นไปด้วยว่าจะได้อาหารทันมั๊ย ทันเช็คอินรึปล่าวครับ ห้าๆๆๆ

แต่สุดท้ายก็ได้กินครับ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่สั่งเบาๆ แต่ราคาไม่เบาเลยครับ ห้าๆๆๆๆ

ข้าวผัด 1 ที่ ผัดหน่อไม้ฝรั่ง 1 ที่ และปูผัดพริก 1 ที่ครับ ตามรูปเลยครับ

ส่วนของปูผัดพริกน่ากินมากกกกกกก และอร่อยมากกกด้วยครับ

ผมว่าใครไปสิงคโปร์ต้องห้ามพลาดเลยครับ

ปูก้ามใหญ่มาก กินเมนูนี้ต้องใช้มือนะครับ ถึงจะอร่อย ถึงจะคุ้มค่าครับ

ก้ามเท่ามือกันเลยทีเดียวครับ

จัดไปค๊า… อร่อยๆ ก่อนกลับไทย ค่าเสียหายไม่เบาเลยครับ มื้อนี้ 3 อย่าง 4 พันกว่าบาทครับ ห้าๆๆๆ

ไม่ได้มาเที่ยวกันบ่อยๆ ครับ จัดไป…

สำหรับทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ของผม ก็ถือว่าประทับใจนะครับ เก็บที่เที่ยว ที่กิน ที่อยากไปได้หมดครับ มีผิดพลาดบ้างแต่ก็เก็บซ่อมได้ครับ เหนื่อยบ้าง ลำบากบ้าง แต่ก็สนุกมากครับ รอบนี้ผมเน้นเที่ยว Universal Studio (ห่างเหินจากมาท่องเที่ยวสวนสนุกมา 2 ปีจากโควิด) และ The Rain Vortex, Garden by The Bay, Singapore Flyer ตอนที่ผมเที่ยวสิงคโปร์ครั้งโน้นยังไม่มีครับ ใครที่อยากจะตามรอย ก็สามารถ Copy กันได้เลยครับ หรืออาจจะปรับตามความต้องการ เพิ่มลด สลับที่ ที่อยากจะไปกันได้ครับ หรืออยากสอบถามส่วนไหน แชร์โปรแกรมอื่นๆ ให้เพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวสิงคโปร์ ก็… Comment, Inbox คุยกันได้นะครับ

ฝากกด Like ติดตามเรื่องราวของผมบน Facebook ด้วยนะครับ ปล.อย่าลืมกด Follow และ See First Page ด้วยน้า ใครที่ชอบเที่ยวฟรี กินฟรี ผมแจกของบ่อยอยู่น้า ^^