Taipei Fish Market Taiwan 4 Day 3 Night 0

เที่ยวไต้หวัน 4 วัน 3 คืน ตามรอยเค้า… กินมื้อเที่ยง Taipei Fish Market กินอะไรดี ถูกกว่าไทย สดเหมือนที่ญี่ปุ่นมั๊ย ไปดูกัน…

สำหรับทริปไต้หวันใครที่ไปเอง คงไม่พลาดที่จะไปที่ตลาดปลา (Taipei Fish Market) กันใช่มั๊ยครับ ผมคนนึงครับ ที่ไปมาครับ เวลาที่ไปญี่ปุ่นก็ต้องไปตลาดปลา ส่วนของไต้หวันเค้าบอกว่ามีความคล้าย มีวัฒนธรรมหลงเหลืออยู่ที่นี่ค่อนข้างเยอะครับ รวมถึงไต้หวันเป็นเกาะ สายกินอย่างผมไม่พลาดที่จะไปตลาดปลาไทเป อย่างแน่นอนครับ ส่วนของตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market) ใครที่อยากไปแล้วไปไม่ถูก กดลิงค์ Google Map (https://goo.gl/maps/QbHN67jZHQahezjd9) นี้ไปกันได้เลยครับ ระวังกันนิดนึงนะครับ ในการ Search Google Map หรือ Search จากแอพ Uber ที่ไต้หวันครับ อาจจะไปผิดได้ครับ ส่วนของตลาดปลาที่ไทเปมีตลาดปลาชื่อเดียวกัน ที่เป็นตลาดปลาท้องถิ่นด้วยครับ

แต่ถ้าไปกันถูกก็จะเห็นทางเข้าแบบภาพด้านล่างนี้เลยครับ เดินเข้าไปกันได้เลยครับ ส่วนของจะกินอะไรดี กินตรงไหน ซื้อของยังไง เดี๋ยวผมรีวิวให้อ่านกันต่อไปนะครับ ส่วนของ ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market) เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ครับ ส่วนตัวผมว่าน่าจะช่วงเช้า น่าจะมีอาหารทะเลสดๆ น่ากินๆ เยอะหน่อยครับ หรือว่าอีกรอบก็ประมาณช่วงเย็น 4-5 โมงครับ ผมไปถึงที่ตลาดปลาประมาณบ่าย 2 กว่าของเริ่มน้อยครับ แล้วเหมือนจะเป็นของที่ทำตั้งแต่เช้า ดูน่ากินน้อยหน่อยครับ ไม่ใช่ไม่น่ากินนะครับ แต่น่ากินน้อยหน่อยครับ ระหว่าที่ผมซื้อ ก็จะมีขอทะยอยมาเติม แต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ ของเริ่มแหว่งๆ หายๆ ครับ ผมว่าไปช่วงเช้าน่าจะดีที่สุดครับ น่าจะมีของสดๆ ใหม่จากทะเล มาเสิร์ฟครับ

ถ่ายรูปที่ด้านหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปด้านในกันเลยเนอะ

ส่วนของด้านใน จะเข้าไปทางด้านซ้ายมือถ้าเราหันหน้าเข้าครับ ที่นี่จะเหมือน Super Market บ้านเราครับ หยิบตะกร้าแล้วเดิน Shopping ของที่อยากได้กันเลยครับ

ส่วนของโซนแรกจะเป็น Live Tank ครับ เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นปูขนครับ เยอะมากครับ

ถ้าใครอยากได้อาหารทะเลสดๆ ใหม่ๆ เป็นๆ สามารถเลือกตรงนี้แล้วไปปรุงที่บ้านกันได้ครับ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ก็ต้องเลือกที่ทำแล่เรียบร้อยแล้วนะครับ ส่วนของที่แล่แล้ว พร้อมกินจะอยู่ทางด้านบนครับ

ปูขนสดๆ เป็นๆ แบบนี้ที่บ้านเราราคาก็เอาการอยู่นะครับ ที่นี่เยอะมากครับ

ส่วนหอยตัวนี้ ถ้าเป็นที่ไทยผมว่าเหมือนจะถูกกว่านะครับ

ส่วนจองกุ้งมังกร ปูปรุงแล้วโซนนี้ก็มีนิดหน่อยครับ ผมว่ามาช่วงเช้าน่าจะเยอะกว่านี้ครับ

พอเดินต่อมาที่โซนด้านบน เราก็จะเจอกับซาชิมิพร้อมทานแบบนี้ครับ

อย่างที่ผมบอกครับ ผมไปช่วงประมาณบ่าย 2 เริ่มมีให้เลือกน้อยแล้วครับ แล้วเหมือนเป็นไขๆ นิดนึง เหมือนเตรียมมาแล้วนานครับ น่าจะเป็นเซ็ทซาชิมิของช่วงเช้าครับ แต่ก็ยังพอน่ากินอยู่ครับ ลองซื้อมากินแล้วก็ยังสดใหม่ครับ

ส่วนอันนี้ก็จะเป็นหอยเชลล์ฮอกไกโดตัวโต ที่ไทยถ้าตัวโตขนาดนี้น่าจะอยู่ที่ตัวละ 20-40 บาทแล้วแต่ความสวยงามครับ

ส่วนของหอยเชลล์ผมเดาว่าน่าจะนำเข้าจากฮอกไกโด หรืออาจจะมาจากทะเลที่นี่ก็ได้ครับ ไม่ได้ถามข้อมูลครับ

แต่เห็นราคาเหมือนจะแพงกว่าไทยเลยไม่ได้ถามต่อ ไม่ได้กินครับ ^^

แต่น่าจะได้ความสดครับ ถ้ามาที่ไทยก็จะแช่แข็งมาเลยครับ ที่นี่เหมือนยังสดๆ ตัวยังนิ่มๆ ครับ

ส่วนอันนี้อูนิ หรือ ไข่หอยเม่น ผมซื้อครับ ผมว่ามันน่ากิน ถ้ามาถึงไทย น่าจะพันบาทอัพครับ

แต่ผมไม่ได้ซื้อมาแบบนี้มากินนะครับ เคยกินมาเยอะแล้วครับ ผมซื้อแบบตัวใหญ่ๆ เลยครับ เดี๋ยวรีวิวให้อีกทีนะครับ ว่าเป็นไง อร่อยมั๊ย คาวมั๊ย รออ่านต่อกันอีกนิดนึงนะครับ ^^

ลองยกตัวอย่างกันซักหน่อยนะครับ ราคาเทียบกันไทยแพงกว่ามั๊ย

อย่างเช่น ซาชิมิกล่องนี้ อยู่ที่ 300 กว่าเหรียญครับ ผมว่าก็พอๆ กับไทยนะครับ แต่ที่นี่จากที่ลองชิมได้ความสดใหม่กว่าครับ

ส่วนของปูขนและปูอลาสก้า ผมว่าราคาดีนะครับ

**** ขอเปรียบเทียบกับปูขนและปูอลาสก้าแบบเป็นๆ ที่ไทยนะครับ ****

เนื่องจากที่ไต้หวันปูขนและปูอลาสก้าเนื้อหวานอร่อยมากครับ น่าจะเป็นปูเป็นๆ ครับ

ถ้าเรากินเมนูนี้ที่ไทย ถ้าเป็นแบบแช่แข็ง ราคาจะไม่แพงเท่าไหร่ แต่เนื้อปูจะเค็มครับ แต่ที่ไต้หวันเนื้อหวาน ฉ่ำ อร่อยมากกกกกกครับ ใครไหวลุยเลยครับผม ^^

ในโซนอาหารพร้อมทาน ส่วนตัวผมว่าเค้าแยกโซนวัตถุดิบพื้นฐานและพรีเมื่ยมด้วยนะครับ

ถ้าเราเดินเลยบริเวณจ่ายเงินมาหน่อย ก็จะเจอกับร้านนี้ครับ เค้ามีแต่ของพรีเมียมทั้งนั้นเลยครับ แต่บอกเลยว่าราคาดีครับ

ส่วนของโอโทโร่ราคาไม่ถึงพันครับ คุ้มมากกกกกก ถ้าไทยผมว่าหลายพันครับ

ร้านนี้ผมว่าต้องจัดเลยครับ ปลาดี ละลายในปากครับ

ส่วนตัวผมว่าร้านนี้วัตถุดิบดีกว่าโซนที่ผ่านมาครับ เดินเลยเข้ามานิดนึงครับ

สำหรับการซื้อเมนูพร้อมกินกล่องโฟมพร้อมทาน

โซนที่ผมเรียกว่า Super Market ในนี้ก็ยังมีร้านให้เราเข้าไปกินกันด้วยนะครับ

แต่ในร้านนี้เค้าจะเป็นประมาณ Chef Table ครับ เลือกได้บางส่วน แต่ส่วนใหญ่เชฟเลือกให้ครับ ก็น่ากินอยู่ครับ แต่ต้องรอคิวครับ อย่างที่ผมไปช่วงบ่าย 2 โมง ยังมีคิวอยู่เลยครับ แล้วรอค่อนข้างนานครับ จนรอไม่ไหว สุดท้ายก็หยิบของใน Super Market ออกมายืนกินข้างหน้าครับ มีแผนต้องไปเที่ยวต่อด้วยครับ

ในร้านด้านในก็ไม่มีที่นั่งกินนะครับ ที่นี่ เน้นยืนกินครับ ห้าๆๆๆๆ ใครมีผู้สูงอายุมาด้วยตัดสินใจหน่อยครับ

ผมแอบเมื่อยเหมือนกันครับ ^^

หลังจากที่เลือกของที่ต้องการได้แล้วก็ออกมาจ่ายเงินบริเวณนี้ครับ ที่นี่รับแค่เงินสดนะครับ

เผื่อเงินสดมากันเยอะหน่อยนะครับ อย่างผมก็หมดกับที่นี่ไป เกือบ 4 พันเหรียญครับ หลังจากจ่ายเงินแล้วก็สามารถขอตะเกียบ โชยุ วาซาบิ เพิ่มได้ครับ อ้อ… อย่าลืมหยิบน้ำ เครื่องดื่ม มากินกันด้วยนะครับ ด้านนอกจะไม่มีอะไรให้ซื้อครับ

ส่วนของมื้อนี้เราเริ่มกันที่ ซูชิครับ ตาลอยากกินข้าวซักหน่อยครับ

รีวิวแบบจริงจัง ตามความรู้สึกของผมนะครับ จ่ายเงินเองนักเลงพอ ห้าๆๆๆ ผมว่าส่วนของซูชิ ข้าวไม่ค่อยอร่อยครับ อาจจะเพราะเค้าทำไว้นานแล้วก็เป็นไปได้ครับ ผมมาก็บ่าย 2 แล้วครับ ไม่ประทับใจเท่าไหร่กับเมนูนี้ครับ

ส่วนของซาชิมิ ถาดนี้ผมซื้อจากร้านพรีเมี่ยมที่ผมบอก ดีงามครับ สดใหม่ เนื้อหวาน ส่วนของโอโทโร่ละลายในปากครับ

สำหรับถาดนี้ผ่านครับ เยี่ยมเลยครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 800 เหรียญครับ

ส่วนของอูนิถาดนี้ อร่อยสุดๆ ไปเลยครับ หวาน ละลายในปาก ไม่มีความคาวเลยครับ

ถาดนี้น่าจะประมาณ 800 เหรียญนิดๆ ครับ ถ้ากินชิ้นละคำก็… คำละ เกือบ 200 ครับ ห้าๆๆๆ แต่ถ้าใครกินอูนิที่ไทยแล้วผิดหวังคาว แนะนำลองมากินที่นี่ดูครับ อร่อย หวาน ละมุน ละลายในปาก อร่อยมากกกกกกครับ เหมือนกินที่ญี่ปุ่นครับ

ส่วนของปูขน เนื้อหวาน เนื้อแน่น อร่อยมากกกกก เช่นกันครับ

ผมว่าที่นี่สดใหม่ ต้มกันแบบเป็นๆ แน่นอนครับ จากที่เห็นตอนที่เข้ามาครับ เยอะมากกกกครับ ได้กินปูขนเนื้อหวาน ถาดนี้น่าจะประมาณ 6-7 ร้อยเหรียญคุ้มครับ

ส่วนของปูอลาสก้า ก่อนหน้านี้ที่ผมให้ดูจะมีแบบ On Ice เย็นๆ หน่อย เดินมาอีกนิดก่อนที่จ่ายเงินจะมีแบบย่าง วางไว้ในไฟรักษาความร้อน แบบนี้ครับ ผมชอบแบบนี้มากกว่าครับ กินอุ่น เนื้อหวานๆ ครับ

ส่วนของถาดนี้ ถ้าจำไม่ผิดไม่ถึงพันเหรียญครับ เนื้อหวาน เนื้อเหนียวนุ่ม อร่อยมากครับ ฟินมากกกกครับ

ต้องลองเลยครับ กินที่ไทย ถ้าไม่ใช่แบบสดๆ เป็นๆ ที่กิโลหลายหมื่น แช่แข็งมาจะเค็มหน่อย

แต่ที่นี่ เนื้อหวาน อร่อย ต้องลองครับ ไม่ต้องสั่งทั้งตัว แต่ได้กินแบบสดๆ ใหม่ เป็นๆ เนื้อหวาน ที่ไทยไม่มีแบ่งขายนะครับ ^^

ส่วนอันนี้ซุปร้อนๆ หัวปลามาเต็มทั้งหัว ตาลอยากกินซุปร้อนๆ ครับ ^^

อาหารทั้งหมดของเราที่ตลาดปลาก็จะมีประมาณนี้ครับ แอบอิ่มมาจาก จิ่วเฟิ่น และเดี๋ยวต้องไปกินต่อที่ Raohe Night Market ซึ่งเวลานี้ 15.00 น. ครับ ห้าๆๆๆๆ มาแล้วไม่กินก็ไม่ได้ หนึ่งใน Landmark ที่ต้องมากินอาหารทะเลสดๆ ครับ

สภาพการกินก็จะประมาณนี้เลยครับ ยืนกินกันไปจ้า… ไม่ว่าจะเป็นร้านด้านใน หรือซื้อมากินด้านนอกครับ

ปูอลาสก้า เนื้อแน่นๆ เต็มๆ ฉ่ำ นุ่ม เด้ง อร่อยมากกกกกกกก

ถึงจะต้องยืนกิน เมื่อยหน่อย แต่ก็ฟินนะคะ ห้าๆๆๆๆๆ

อิ่มอร่อย ไม่หายจากจิ่วเฟิ่น แล้วต้องไปต่อที่ Raohe Night Market ตามสไตล์ Food Blogger แต่ก็ยังฟินครับ สรุปส่วนของ ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market) กันซักหน่อยเนอะ ส่วนตัวนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่า เมนูบางอย่างที่นี่แพงกว่าที่ไทยครับ ถ้าอยากจะมาลองชิม ผมว่าเน้นของแพง อย่างโอโทโร่ ปูขน ปูอลาสก้า ราคาจะดีกว่าไทย (กรณีที่เป็นของเป็นๆ นะครับ ที่ไทยแพงกว่าแน่นอนครับ) ส่วนของ ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market) ความสดใหม่ เนื้อหวาน เนื้อเด้ง ดีกว่าไทยแน่นอนครับ ถ้าเทียบกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นสดใหม่ ราคาถูกกว่าครับ คุ้มมั๊ยที่มากิน คุ้มครับ ราคาอาจจะถูกกว่า เท่ากัน หรือแพงกว่าบางส่วนจากค่าเงิน แต่ที่นี่ได้ความสดใหม่แน่นอนครับ สดกว่าไทยแน่นอนครับ

ส่วนของทางเลือกการกิน สามารถซื้อเป็นกล่องโฟม กล่องกระดาษ พร้อมทานมายืนกินแบบผมกันได้ครับ หรือจะกินที่ร้านทางด้านใน Chef Table เลือกได้นิดหน่อย น่ากิน แต่รอนิดนึงมีคิวตลอดครับ หรือจะออกมากินด้านนอกเดินออกมาจากตลาดประมาณ 10 นาที ร้านก็ยังคงยืนกินผมเห็นบางคนเดินมากิน ก็น่ากินอยู่นะครับ ก็เป็นอีก 1 หนึ่งทางเลือกแต่ผมไม่ได้ไปลองนะครับ พอดีไม่มีเวลาไปแล้วครับ T_T ต้องเดินทางไป Raohe Night Market ต่อครับ

ใครมีทางเลือกดีๆ เด็ดๆ เอามาแชร์กันได้นะครับ เผื่อผมไปอีกครั้งจะลองไปดูครับ หรือแนะนำเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปกันดูครับ ^^

ฝากกด Like ติดตามเรื่องราวของผมบน Facebook ด้วยนะครับ ปล.อย่าลืมกด Follow และ See First Page ด้วยน้า ใครที่ชอบเที่ยวฟรี กินฟรี ผมแจกของบ่อยอยู่น้า ^^