Chiang Mai 3day 2night – 1

เที่ยวเชียงใหม่ยังไงให้เหมือนไปญี่ปุ่น Onsen At Moncham ที่พักสไตล์เรียวกัง เช็คอินปุ๊บเหมือนว๊าปมาญี่ปุ่นปั๊บ…

ไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่ม่อนแจ่ม เชียงใหม่กันมั๊ยครับ ส่วนของที่พักที่นี่ผมเล็งมานานมากแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนโควิด ว่าจะไปพักซักครั้งครับ พอโควิดมาอะไรก็ปิดไปหมดครับ ทั้งร้านอาหาร ทั้งโรงแรมครับ ทริปนี้หลังจากไม่ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่มานาน ได้โอกาสกลับไปเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้ง ก็ไม่พลาดที่จะไปพักที่นี่ “Onsen @Moncham” ครับ ส่วนของ Onsen @Moncham เป็นที่พักสไตล์เรียวกัง ท่ามกลางขุนเขาครับ มีห้องพักทั้งหมดแค่ 24 ห้องเท่านั้นเองครับ เป็นส่วนตัวมากครับ ส่วนของห้องพักก็แทบจะจองเต็มตลอดครับ ช่วงที่ผมไปพักก็จองล่วงหน้าเกือบเดือนเลยครับ

การตกแต่งของ Onsen @Moncham ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัยครับ พื้นที่ภายในโรงแรมมีทั้งร้านอาหาร สปา ฟิตเนส สวยหินญี่ปุ่น (คาเระซันซุย) รวมไปถึงออนเซ็น ทั้งแบบส่วนตัว ในร่มและกลางแจ้ง ครับ แบบว่าเข้าโรงแรมแล้วไม่ต้องออกไปไหนกันแล้วครับ อยู่ที่โรงแรมกันยาวปายครับ หัวใจหลักของ Onsen @Moncham คือ ดิ ออนเซ็น เปิดประสบการณ์ในการพักผ่อนที่ไม่เหมือนใคร สัมผัสได้ถึงการฟื้นฟู เยียวยาร่างกายให้ผ่อนคลาย โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ่อน้ำพุร้อนที่ประเทศญี่ปุ่น ดีงามมากครับ เกริ่นมาซะยาวอยากจะเห็นบรรยากาศของห้องพักและพื้นที่ส่วนของ Onsen @Moncham กันแล้วใช่มั๊ยครับ ถ้าพร้อมกันแล้ว เราไปกันเลยครับ…

ส่วนของ Onsen @Moncham จะอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 35 กม. เดินทางประมาณ 50 นาทีครับ ขับรถเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงครับ แต่เห็นห่างจากตัวเมืองไม่เยอะแบบนี้ แต่บรรยากาศแตกต่างกันพอสมควรเลยครับ

ช่วงที่ผมไปจะเป็นหน้าฝนครับ ตอนแรกก็แอบอยากไปช่วงหน้าหนาวนะครับ แต่พอดีได้ตั๋วเครื่องบินมาช่วงนี้พอดีครับ และต้องรีบใช้ก่อนสิ้นปีครับ เลยตัดสินใจไปในช่วงหน้าฝนครับ แต่ถามว่าแล้วบรรยากาศมันได้มั๊ย ถือว่าสวยเลยนะครับ ส่วนที่เด่นของการมาเชียงใหม่หน้าฝนก็คือ เราจะได้เห็นต้นไม้ที่เขียวขจี สดชื่นมากครับ (ช่วงหน้าหนาวบรรยากาศจะแห้งๆ ต้นไม้ก็จะเหลืองๆ หน่อยครับ) และช่วงที่ฝนตกเสร็จใหม่ๆ บริเวณ Onsen @Moncham ก็จะมีหมอกบางให้เห็นด้วยครับ

พอขับรถไปถึงฝนตกระหน่ำมากครับ นั่งรอในรถประมาณ 10 นาที ฝนก็หยุดครับ ความสดชื่นก็ตามมาครับ อากาศเย็นเบาๆ ไม่ถึงกับหนาว พอได้อยู่ครับ เข้าไปเช็คอินทางโรงแรมก็เอา Welcome Drink มาเสิร์ฟ พร้อมผ้าเย็นครับ

เช็คอินเสร็จแล้วก็ไปดูห้องพักกันก่อนเนอะ

ส่วนของห้องพักที่นี่มีให้เลือกหลากหลายแบบครับ ตั้งแต่ห้องพักแบบญี่ปุ่นเบาๆ จนถึงห้องพักแบบญี่ปุ่นแบบตะโกนครับ ห้าๆๆๆ พักแล้วเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยครับ ใครที่มาเป็นครอบครัวก็มีห้องพักแบบเรสซิเดนซ์ พักได้ถึง 13 คนเลยครับ

ห้องพักของผมวันนี้จะเป็นห้องพักแบบ แกรนด์ ทาทามิ ออนเซ็น สวีท ครับ ไหนๆ ก็มาพักแล้ว ขอนอนให้ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นเต็มๆ กันนิดนึงครับ ส่วนของห้องพักแบบนี้สามารถพักได้ 1-4 คนเลยครับ ห้องใหญ่ 80 ตร.ม. ห้องพักก็จะมีสวนแบบญี่ปุ่นทางด้านหน้า ภายในห้องมีเสือทาทามิแบบดั้งเดิม ฟูกที่นอน 2 ผืน และพื้นที่นั่งเล่นครับ ส่วนของ ทีวี 55 นิ้ว มาพร้อม คีย์บอร์ด และ Netflix ครับ ชอบตรงนี้

ส่วนของห้องน้ำก็มีออนเซ็นส่วนตัวและโถสุขภัณฑ์แบบญี่ปุ่น ระบบอัตโนมัติครับ

เข้าไปดูภายในห้องกันดีกว่าเนอะ

ส่วนของห้องพักของผมเริ่มกันตั้งแต่หลังประตูบานนี้เลยครับผม

เริ่มต้นการถ่ายรูปสวยๆ เหมือนอยู่ญี่ปุ่นตามไปด้วยเลยแล้วกันเนอะ สวยทุกมุมเหมือนอยู่ญี่ปุ่นทุกมุมจริงๆ ครับ ที่นี่เค้าจะมีชุดยูกาตะให้เราใส่ระหว่างที่พักอยู่ที่นี่ด้วยนะครับ ใส่ถ่ายรูปสวยๆ กันได้ครับ

หลังจากถ่ายรูปทางด้านหน้ากันแล้ว พอเปิดประตูเข้ามาก็ว้าววววว… เลยครับ

พื้นที่ด้านหน้าห้องพักจะเป็นสวนญี่ปุ่น สามารถนั่งเล่นกันได้ และยังคงความเป็นส่วนตัวถ้าปิดประตูทางด้านหน้าครับ ส่วนของด้านซ้ายมือจะเป็นออนเซ็นส่วนตัว สามารถเปิดมาชมสวนญี่ปุ่นระหว่างแช่ออนเซ็นได้ด้วยครับ

เวลาที่มองออกไปจากห้องพักก็จะเป็นวัวประมาณนี้ครับ เป็นส่วนตัวดีครับ

พอเข้ามาถึงในห้องพัก ว้าวววววว… ไปกันใหญ่ครับ ชอบมากกกก เหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยครับ พอเข้ามาด้านใน ด้านขวามือจะเป็นที่นั่งพักผ่อนอีกส่วนนึง สามารถสั่งอาหารมากินที่ห้องพักได้ครับ ส่วนของห้องพักนี้ หลังจากเราเข้าพักแล้ว ช่วงบ่ายจะมี Afternoon Tea มาเสิร์ฟครับ พนักงานจะมาชงชาให้ที่ห้องเลยครับ พร้อมขนม นั่งจิบชาไป กินขนมไป ดีงามครับ

ส่วนของพื้นที่ห้องนอนใหญ่ไปอีกครับ ห้องนี้สามารถนอนได้สูงสุดถึง 4 คนครับ ถ้ามาเป็นครอบครัวอยู่สบายๆ เลยครับ

ผมไปนอนกัน 2 คน ก็แอบเหงาๆ หน่อยๆ ครับ ห้าๆๆๆๆ

ส่วนของที่นอนจะเป็นแบบฟูกปูกับพื้น ที่เป็นเสือทาทามิแบบดั้งเดิมครับ ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นสุดๆ ไปเลยครับ ชอบมากกก

ส่วนของห้องพักอีกด้านจะเป็นกระจกสำหรับแต่งตัวครับ รูปแบบก็เป็นสไตล์ญี่ปุ่นเช่นกันครับ

ส่วนของห้องน้ำที่ล้างหน้าก็จะเป็นแบบ His & Her ส่วนด้านซ้ายจะเป็นห้องอาบน้ำและออนเซ็นส่วนตัวครับ ส่วนด้านขวาก็จะเป็นห้องขับถ่ายครับ แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งครับ

ส่วนของโถสุขภัณฑ์ก็จะเป็บแบบอัตโนมัติ มีที่อุ่นฝารองโถด้วยครับ ส่วนตัวผมชอบมากครับ นั่งอุ่น ดีกว่านั่งเย็นๆ ครับ ห้าๆๆๆๆ ถ้ามาช่วงหน้าหนาว ส่วนนี้ตอบโจทย์มากครับ ^^

ส่วนของอีกฝั่งก็จะเป็นห้องอาบน้ำพร้อมออนเซ็นส่วนตัวครับ ส่วนของออนเซ็นจะมีพนักงานมาเตรียมน้ำให้ได้นะครับ ถ้าให้ดีก็แนะนำให้แจ้งพนักงานมาเตรียมให้นะครับ เพราะว่าน้ำที่นี่ร้อนจริงครับ อุณหภูมิเหมือนออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลยครับ

เราสามารถนัดเวลาให้พนักงานเข้ามาเตรียมน้ำให้ หรือถ้าจะใช้เมื่อไหร่โทรแจ้งได้เช่นกันครับ พนักงานจะมาพร้อมเครื่องวัดอุณหภูมิครับ เราจะได้อุณหภูมิที่ถูกต้องและเหมาะสมจริงๆ ครับ กว่าน้ำจะเต็มจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงนะครับ จะแช่ช่วงไหนเผื่อเวลากันนิดนึงครับ

เวลาที่แช่ออนเซ็นส่วนตัวสามารถเปิดประตูออกแบบนี้ได้นะครับ นั่งแช่ออนเซ็นชมสวนญี่ปุ่นหน้าห้องเราไปด้วยได้ครับ ถ้าอากาศข้างนอกเย็นๆ การแช่ออนเซ็นแล้วเปิดประตู จะฟินมากครับ เหมือนเราแช่ออนเซ็นแบบกลางแจ้งเบาๆ นั่นเองครับ

พาชมห้องทั้งหมดแล้ว ก็แต่งชุดยูกาตะ มาถ่ายรูปกันซักหน่อยเนอะ

รูปนี้แอบเป็นกระรอกบิน ซูก้า ไกลเดอร์ กันครับ ห้าๆๆๆๆ น่าร้ากกกกก

ถ่ายรูปในห้องกันเพลินๆ พนักงานก็เอา Afternoon Tea มาเสิร์ฟและมาชงให้ชมกันที่ห้องเลยครับ

นั่งกินขนมดื่มชากันไปพลางๆ ก่อนที่จะไปเดินเล่นข้างนอกกันต่อครับ

ปล. ส่วนของหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่น ที่เห็นบนโต๊ะ จะเป็นเมนูอาหารและบริการของที่นี่ครับ เก็บรายละเอียดดีมากครับ

กิน Afternoon Tea เสร็จก็ได้เวลาออกมาเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นด้านนอกกันครับ

อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมมาช่วงหน้าฝน ความเขียวขจีและความอุดมสมบรูณ์ ก็จะประมาณนี้เลยครับ สดชื่นมากกกครับ บรรยากาศที่เงียบสงบ เนื่องจากจำนวนห้องพักที่ไม่เยอะ ทำให้ไม่มีคนพลุกพล่าน เหมือนโรงแรมใหญ่ๆ พักห้องเยอะ ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีมากครับ ส่วนตัวมากครับ ชอบมากกกกกกครับ

พื้นที่ส่วนกลางก็ยังคงความเป็นญี่ปุ่นครับ มีสะพานสไตล์ญี่ปุ่น บ่อที่เต็มไปด้วยปลาคาร์ฟ และสวยหินญี่ปุ่น (คาเระซันซุย) ถ่ายรูปสวยไปอีกครับ ถ่ายรูปกันเพลินมากครับ ยิ่งใส่ชุดยูกาตะออกมาถ่ายรูปด้วย เพื่อนหลงเชื่อไปแล้วครับว่าอยู่ญี่ปุ่น ห้าๆๆๆ

ส่วนของพื้นที่นที่ภายในโรงแรมก็แยกส่วนชัดเจน ส่วนของที่พักต้องการความสงบเพื่อพักผ่อนก็อยู่ฝั่งนึง ส่วนของห้องอาหารอาจจะมีการใช้เสียงและคนเยอะหน่อยก็อยู่ฝั่งนึง และส่วนสุดท้ายออนเซ็นก็จะอยู่อีกฝั่งนึงครับ

อย่างโซนหลังจากข้ามสะพานนี้ไปก็จะเป็นโซนที่พักครับ

ส่วนของฟิตเนสจะอยู่ทางด้านหน้าครับ ก็จะประมาณนี้ครับ

ถ่ายรูปสวยๆ กันยาวปายยยยครับ

มุมให้ถ่ายรูปเยอะมากครับ แถมยังไม่ค่อยมีคน ชอบเลยครับ

ทำ Content กันยาวปายครับ ห้าๆๆๆ

ส่วนของโซนออนเซ็น ถ้าใครยังไม่อยากแช่แบบทั้งตัว ทางโรงแรมก็มีบ่อแช่เท้าให้บริการครับ ตรงนี้เลยครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ เดินเยอะเมื่อยและปวดเท้า มาแช่ตรงนี้เพื่อผ่อนคลายกันได้เลยครับ นั่งแช่เท้าไป ชมสวนญี่ปุ่นไป เพลินดีครับ

ส่วนของโซนนี้ จะเป็นบ่อออนเซ็นครับ จะมีทั้งบ่อรวมแบบกลางแจ้ง และบ่อแยกชายหญิง ทั้งกลางแจ้งและในร่มครับ โดยจะใช้น้ำแร่ธรรมชาติจากใต้พื้นดินในระดับความลึกกว่า 100 เมตร เพลิดเพลินกับการบำบัดด้วยธรรมชาติ ถ้ายังผ่อนคลายไม่พอสามารถใช้บริการสปาเพิ่มเติมกันได้ด้วยนะครับ แต่แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนเข้าพักเลยนะครับ ผมจะจองตอนเช็คอิน สปาแอบเต็มครับ เสียดายเหมือนกันครับ

สำหรับการใช้บริการออนเซ็นจะต้องจองเวลาเพื่อใช้งานกันก่อนนะครับ สามารถจองตอนเช็คอินกันได้เลยครับ

การใช้บริการบ่อรวมจะสามารถใส่ชุดว่ายน้ำเข้าไปใช้บริการได้ครับ ส่วนของออนเซ็นแยกชายหญิง ของผู้ชายทางโรงแรมให้ใช้บริการแบบถอดหมดเหมือนที่ญี่ปุ่นเลยครับ จะมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ให้ครับ ส่วนฝั่งของผู้หญิงสามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงได้ครับ

ถ้ามายังไม่ถึงเวลา หรือ เราเสร็จแล้วก่อนเพื่อนก็จะมีพื้นที่ให้นั่งรอตรงนี้ครับ

พร้อมน้ำเย็นๆ ให้บริการครับ

หลังจากออนเซ็นกันมาแล้วก็ดื่มน้ำกันเยอะนิดนึงนะครับ

ก่อนที่จะเข้ามาด้านในพนักงานจะให้กุญแจล็อคเกอร์มาด้วยครับ เก็บของต่างๆ ไว้ในล็อคเกอร์กันได้เลยครับ

ส่วนของพื้นที่แต่งตัวก็จะมีโลชั่นและสเปรย์แต่งผมให้ด้วยครับ

ก่อนจะไปห้องแยกชายหญิง มาชมบ่อรวมกลางแจ้งกันก่อนดีกว่านะครับ

สาย Content แนะนำให้จองบ่อรวมกลางแจ้งกันก่อนนะครับ ถ่ายรูปสวยบรรยากาศดีมากครับ

แหล่งน้ำของ ออนเซ็น แอท ม่อนแจ่ม จะอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวโลก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่มีแร่ธาตุสำคัญ ได้แก่ ทองแดง แมกนีเซียม สังกะสี แคลเซียม และซัลเฟตไอออน สารบำรุงจากธรรมชาติเหล่านี้ จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ชำระล้างผิวให้เนียนนุ่ม ร่างกายได้หายใจ จิตใจก็สงบรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

ส่วนของบ่อรวมกลางแจ้งจะเป็นบ่อออนเซ็นอยู่ตรงกลางครับ และอ่างไม้ทางด้านข้างครับ รอบๆ ตกแต่งสไตล์สวนแบบญี่ปุ่น

อารมณ์เหมือนแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลยครับ ชอบมากครับ

ก่อนที่จะทำการแช่ออนเซ็นก็ต้องมาอาบน้ำกันก่อน พื้นที่อาบน้ำก็จะอยู่ตรงนี้เลยครับ นั่งอาบเหมือนที่ญี่ปุ่นแป๊ะครับ

ส่วนของด้านหลังก็จะเป็นห้องน้ำครับ

ส่วนของการแช่ออนเซ็น จะมีเป็นอ่างไม้ให้บริเวณนี้อีกหนึ่งจุดครับ

ออนเซ็นร้อนๆ แช่กลางแจ้งอากาศเย็นๆ สบายตัวมากเลยครับ

ถ่ายรูปทำ Content สวยๆ กันได้ครับ

หลังจากที่แช่ออนเซ็นแล้ว ต้องดื่มน้ำเยอะๆ บริเวณนี้ก็เป็นที่นั่งพักผ่อนและดื่มน้ำกันได้ครับ

มาต่อกันที่บ่อแยกชายหญิง ส่วนของบ่อแบบในร่มก็จะเป็นบริเวณนี้เลยครับ

มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำเช่นกันครับ

ใครที่อยากแช่เป็นการส่วนตัวก็จะมีอ่างไม้แยกมาตรงนี้ครับ

ปิดท้ายที่บ่อกลางแจ้งบรรยากาศดีใช้ได้เลยครับ

แช่ออนเซ็นสบายตัวกันไปแล้ว ก็ได้เวลามื้อเย็นพอดีครับ

ผมเข้าโรงแรมแล้วอยู่กันยาวๆ ครับ ออกอีกทีก็ตอนเช็คเอ้าท์เลยครับ ห้าๆๆๆๆ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของอาหารเย็นและอาหารเช้าครับ

ส่วนของด้านบนยังมีบาร์ นั่งดื่มชิลๆ หลังจากเสร็จจากอาหารเย็นด้วยนะครับ

ส่วนของที่นั่งก็จะมีด้านในห้องแอร์และระเบียงรับเบาๆ บริเวณนี้ครับ

ส่วนของอาหารที่นี่ก็จะเป็นอาหารญี่ปุ่นครับ มีทั้ง ซูชิ ซาชิมิ เทปุระ อุด้ง ราเมง ชาบู ยากินิคุ มีให้เลือกพอสมควรครับ

ส่วนของวัตถุดิบส่วนตัวผมว่า สดใหม่ อร่อยใช้ได้ครับ

ส่วนของเมนูทั้งหมดวันนี้ที่ผมสั่งก็จะมี…

หนวดปลาหมึกยักษ์ (Tako) ราคา 275 บาท ครีบปลากระเบนญี่ปุ่นย่าง ราคา 185 บาท ที่นี่ก็มีนะครับ ของโปรด

เมนูที่ผมสั่งก็จะมีทั้งของกินเล่น กับแกล้ม และชาบู ชาบู ครับ

ส่วนของชาบูจะเป็นแบบเซ็ตครับ มีน้ำซุป (เนื้อหรือหมู) ผัก ข้าวและไข่ครับ กิน 2 คนกำลังดีครับ วันนี้ผมสั่งเป็นหมูคุโรบุตะ 250 กรัม ราคา 1,350 บาท หมูดีงาม น่ากินมากครับ ส่วนของน้ำซุปรสชาติกลมกล่อม อร่อยเลยครับ นั่งชิล กินชาบูกันไปครับ

ส่วนของชาบูก็มีทั้งหมูและเนื้อครับ น่ากินใช้ได้เลยครับ

พร้อมทานค๊า…

ใส่ผักไป เต็มหม้อพอดีครับ ส่วนของหมูก็ลวกเป็นชิ้นๆ จะได้ไม่สุกเกินไปครับ

แอบกลัวไม่อิ่ม + กับความน่ากิน เลยสั่ง Mentaiko ราคา 295 บาท  พาสต้าไข่ปลาเมนไทโกะ (ไข่ปลาค็อด) ปรุงรสด้วยพริกป่นญี่ปุ่น มากินเพิ่มอีกหนึ่งจานครับ ห้าๆๆๆ อร่อยใช้ได้ครับ ชอบเลยครับ

อิ่ม อร่อย กลับมาที่ห้อง ทางโรงแรมแอบเอาชุดนอนมาให้ด้วยครับ

ปล. กลางวันแอบนอนไป 1 กรุบ เตียงเละไปนิดนึงนะครับ

นอกจากเอาชุดนอนมาให้แล้ว ยังมีข้าวซอยตัดและชา ขนมขึ้นชื่อของเชียงใหม่มาให้กันกันด้วยนะครับ

ส่วนของโรงแรม น่ารัก ใส่ใจ ดูแลดีมากครับ

นอนหลับสบาย ตื่นเช้ามาพร้อมกับความสดชื่น… ไปกินมื้อเช้ากันครับ

ส่วนของมื้อเช้าจะเป็นแบบ A la cart Buffet ครับ อาหารแต่ละอย่างน่ากินมากกกครับ อยากกินทุกเมนูเลยครับ แต่ก็จะมีบางส่วนตักเพิ่มเติมได้บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ตรงนี้ครับ

บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ก็จะมี ไข่ออนเซ็น ซุป ขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ คอนเฟลก นม และผัก ผลไม้ สะกัดครับ

ใครชอบกินผัก ผลไม้ สะกัด เลือกที่ต้องการแล้วใส่ไปในเครื่องได้เลยครับ

เมนูอาหารเช้าที่สั่งไปทะยอยมาเสิร์ฟแล้วครับ เริ่มจาก American Style อย่าง Eggs Benedict + แฮมและเบคอน ครับ

น่ากินมากเนอะๆๆๆๆ

เมนูของผมจะเป็นไข่ดาว ไส้กรอกและเบคอนครับ

ตามมาด้วยโจ๊กสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese Congee) และปลาแซลมอนย่างเกลือครับ หอม อร่อย น่ากินไปอีกครับ

เมนูนี้แนะนำเลยครับ อร่อยมากครับ

ส่วนชามนี้จะเป็นโจ๊กมิโซะไข่ขาว (Egg White congee miso) เค้าจะใช้ไข่ขาวมาทำแทนข้าวครับ

น่ากินดีเหมือนกันครับ

ปิดท้ายด้วยของหวาน อย่างเฟรนช์โทสต์ (French Toast) น่ากินสุดๆ ไปเลย อร่อยด้วยครับ

สำหรับการไปพักที่ Onsen @Moncham ผมบอกเลยว่าประทับใจมากครับ ทั้งบรรยากาศ ห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก อาหารและบริการครับ ใครที่อยากจะไปเที่ยวพักผ่อน ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ชำระล้างผิวให้เนียนนุ่ม ทำให้ร่างกายได้หายใจ จิตใจก็สงบรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ Onsen @Moncham เหมาะมากเลยครับ ตามลอยผมไปกันได้เลยครับ ^^

รายละเอียดเพิ่มเติมและจองห้องพักได้ที่…

#onsenatmoncham #onsen #onsenthailand #retreatthailand #ryokan #worldluxuryhotelawards #RedefinedLuxuryCraftedByNature #เที่ยวเชียงใหม่ #ม่อนแจ่ม #ไทยเที่ยวไทย

ฝากกด Like ติดตามเรื่องราวของผมบน Facebook ด้วยนะครับ ปล.อย่าลืมกด Follow และ See First Page ด้วยน้า ใครที่ชอบเที่ยวฟรี กินฟรี ผมแจกของบ่อยอยู่น้า ^^