เด็กหลอดแก้ว อีกหนึ่งทางเลือกของผู้มีบุตรยาก

1 min read

การทำเด็กหลอดแก้วถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้มีบุตรยาก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาการมีบุตรยากได้อย่างเห็นผล และเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว ทางบทความก็ได้นำข้อมูลมาฝาก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายที่กำลังประสบปัญหามีบุตรยาก ได้ศึกษาข้อมูลประกอบการพิจารณา ดังนี้

ข้อมูลเบื้องต้นของการทำเด็กหลอดแก้ว

การทำเด็กหลอดแก้ว คือการทำให้เกิดการปฏิสนธิ เพื่อให้เกิดตัวอ่อน ซึ่งถูกควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มโอกาสการมีบุตรให้สูงขึ้น และแก้ปัญหาการมีบุตรยากได้ โดยเฉพาะผู้ที่ประสบปัญหาผลิตเชื้ออสุจิได้จำนวนน้อย และมีอสุจิที่แข็งแรงไม่มากพอ จนไม่สามารถปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ได้สำเร็จ โดยการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะคัดสรรเชื้ออสุจิที่แข็งแรงมาปฏิสนธิกับไข่ในจานทดลอง และดูแลภายในห้องปฏิบัติการ ทำให้ได้ตัวอ่อนง่ายกว่าการปฏิสนธิแบบธรรมชาติ นอกจากปัญหาการผลิตเชื้ออสุจิได้น้อย การทำเด็กหลอดแก้ว ก็ช่วยเรื่องการมีบุตรยากจากปัญหาอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน

การทำเด็กหลอดแก้ว มีแบบไหนบ้าง

การทำเด็กหลอดแก้ว หลักๆ ก็จะมี 2 ประเภท ดังนี้

1. การทำ IVF

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำ IVF

การทำ IVF ถือเป็นการทำเด็กหลอดแก้วประเภทหนึ่ง ที่มีชื่อเต็มว่า In-vitro Fertilization เป็นการปฏิสนธิภายนอก เพื่อให้ได้ตัวอ่อน เนื่องจากหนึ่งในคู่สมรสคู่นั้นๆ มีปัญหาเรื่องการปฏิสนธิภายใน อาจจะเป็นปัญหาสุขภาพของฝ่ายชาย หรืออาจจะเป็นปัญหาสุขภาพของฝ่ายหญิงก็ได้ ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ จึงต้องหันมาพึ่งการทำ IVF ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น ในคนที่ผลิตอสุจิได้ไม่มาก มีเชื้ออสุจิที่ไม่แข็งแรง หรือผู้ที่มีปัญหาด้านมดลูกส่วนต่างๆ เช่น ท่อนำไข่ตีบตัน เป็นต้น

การทำ IVF คือการคัดสรรอสุจิที่แข็งแรงมาผสมกับไข่บนจานทดลองในห้องปฏิบัติการ และแพทย์จะทำการเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งเกิดเป็นตัวอ่อนขึ้นมา จากนั้นแพทย์จะนำตัวอ่อนกลับเข้าไปฝังตัวในมดลูกตามลำดับ และตัวอ่อนก็จะเจริญเติบโตในครรภ์ของมารดา เหมือนกับการตั้งครรภ์ธรรมชาติ

ขั้นตอนการทำ IVF

1. กระตุ้นไข่ ด้วยการฉีดฮอร์โมนในวันที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน
2. แพทย์ทำการเก็บไข่ เมื่อไข่เจริญเติบโตจนได้ขนาดตามต้องการ
3. ฝ่ายชายเก็บอสุจิใส่ภาชนะที่แพทย์เตรียมให้
4. แพทย์จะคัดแยกอสุจิที่สมบูรณ์ มาผสมกับไข่ในห้องทดลอง
5. เพาะเลี้ยงตัวอ่อนต่อไป
6. เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตเหมาะแล้ว แพทย์ทำการย้ายตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูก

2. การทำ ICSI

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำ ICSI

การทำ ICSI หรืออิ๊กซี่ คือการทำเด็กหลอดแก้วอีกหนึ่งประเภท เป็นเทคโนโลยีการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก ที่แตกต่างกับ IVF โดย IVF จะเป็นการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธีปกติ ส่วน ICSI เป็นเทคนิคพิเศษ ซึ่งควรทำเมื่อใช้วิธี IVF 3 ครั้งแล้วยังไม่ได้ผล โดยในการทำ ICSI แพทย์จะทำการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดด้วยกล้องจุลทรรศน์ จากนั้นจะฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่ และนำไข่ที่ผสมกับอสุจิตัวนั้นแล้วไปไว้ในห้องปฏิบัติการ 3-5 วัน จากนั้นติดตามผลจนเจริญเป็นตัวอ่อน ก็จะถูกนำไปฝังในมดลูก เพื่อเจริญเติบโตในครรภ์ตามลำดับ

ขั้นตอนการทำ ICSI

1. ฉีดฮอร์โมนเพื่อทำการกระตุ้นไข่
2. ติดตามการตกไข่ เพื่อรอให้ไข่สมบูรณ์ ซึ่งจะทำโดยการเจาะเลือดและอัลตราซาวด์
3. เมื่อไข่สมบูรณ์แล้ว แพทย์จะเก็บอสุจิของฝ่ายชาย
4. แพทย์คัดเลือกอสุจิที่สุด ฉีดเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง (ไม่ได้ปล่อยให้ปฏิสนธิเองอย่าง IVF)
5. เมื่อไข่ได้รับการผสมแล้ว จะถูกนำไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติ
6. ติดตามผลจนกว่าจะเจริญเป็นตัวอ่อน (ประมาณ 3-5 วัน) ระหว่างนั้นสามารถทำตรวจวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมได้ (ข้อดีของการทำ ICSI)
7. เมื่อไข่เจริญเป็นตัวอ่อน จะถูกนำไปฝังในโพรงมดลูก เพื่อเจริญเติบโตในครรภ์ของฝ่ายหญิง

เตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้ว

ฝ่ายหญิง

● งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
● งดอาหารที่มีน้ำตาลสูงและอาหารแปรรูป
● งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
● ดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตร/วัน
● รับประทานโปรตีนมากๆ เพื่อให้ไข่สมบูรณ์
● พักผ่อนให้เพียงพอ
● หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด
● ควบคุมน้ำหนักโดยการออกกำลังกายเบาๆ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบหักโหม

ฝ่ายชาย

● งดสูบบุหรี่ 3 เดือนก่อนเริ่มการรักษา และระหว่างการรักษา
● งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
● งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
● ไม่สวมใส่กางเกงชั้นในที่รัดแน่นเกินไป
● หลีกเลี่ยงการแช่น้ำอุ่นและการทำซาวน่า
● หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เพื่อรักษาระดับจำนวนของเชื้ออสุจิและคุณภาพของเชื้อให้สมบูรณ์
● พักผ่อนให้เพียงพอ
● หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด
● ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การปฏิบัติหลังนำตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก (ฝ่ายหญิง)

● นอนพักประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงหลังทำ
● พักผ่อนที่บ้านอีก 12 – 24 ชั่วโมง
● ควรงดการมีเพศสัมพันธ์
● ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด
● หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่มีการเกร็งหน้าท้อง
● ห้ามรับประทานยา นอกเหนือจากที่แพทย์กำหนด
● พบแพทย์หลังทำ 2 สัปดาห์ เพื่อตรวจการตั้งครรภ์
● หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด

โอกาสตั้งครรภ์จากการทำเด็กหลอดแก้ว

1. ความแข็งแรงของตัวอ่อน มีผลต่อโอกาสตั้งครรภ์ หากแข็งแรงมากก็เพิ่มโอกาสให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สูงขึ้น
2. อายุของฝ่ายหญิงมีผลต่อการรอดชีวิตของตัวอ่อน ยิ่งอายุมากโอกาสรอดชีวิตของตัวอ่อนก็จะยิ่งน้อยลง
3. การตอบสนองการกระตุ้นการตกไข่มีผลต่อโอกาสตั้งครรภ์ ซึ่งในแต่ละคนก็จะมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน
4. อัตราความสำเร็จของการทำ IVF อยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 ต่อการทำ 1 รอบ ส่วนการทำ  ICSI อัตราความสำเร็จอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70 ต่อการทำ 1 รอบ

การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้มีบุตรยาก ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้ และมีความปลอดภัยสูง เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ส่วนการเลือกทำระหว่าง IVF กับ ICSI นั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ซึ่งส่วนมากแพทย์จะให้คนไข้ทำ ICSI หลังจากที่เคยทำ IVF มาแล้ว 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ โดย ICSI จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

You May Also Like

More From Author