กลับมาอีกแล้วครับ กับทริปต่างประเทศของผมเอง ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอีกแล้ว ชอบมากกกกกก การเดินของผมเริ่มจากกรุงเทพฯ เราออกเดินทางด้วย Thai AirAsia เที่ยวบินตรงสู่โอกินาว่า เวลา 08.40 น. ใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงครึ่ง ก่อนเครื่องจะค่อย ๆ ลดระดับเหนือทะเลสีฟ้าใสของเกาะใต้สุดของญี่ปุ่น เมืองที่หลายคนบอกว่าไม่เหมือนญี่ปุ่น แต่คล้ายฮาวาย…
โอกินาว่า (Okinawa) เคยเป็นอาณาจักรอิสระชื่อว่า “อาณาจักรริวกิว (Ryukyu Kingdom)” ก่อตั้งขึ้นราวศตวรรษที่ 15 โดยมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ผสมผสานระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลในยุคนั้น ต่อมาในปี 1879 ญี่ปุ่นได้ผนวกอาณาจักรริวกิวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และเปลี่ยนชื่อเป็น “จังหวัดโอกินาว่า (Okinawa Prefecture)”
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โอกินาว่ากลายเป็นสมรภูมิใหญ่แห่งหนึ่ง มีการสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งทหารและพลเรือน หลังสงคราม สหรัฐฯ เข้ายึดครองเกาะอยู่นานกว่า 27 ปี จนกระทั่ง ปี 1972 ญี่ปุ่นจึงได้รับเกาะคืนกลับมาอย่างเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้ โอกินาว่าจึงมีวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่แตกต่างจากญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ ทั้งภาษา อาหาร ดนตรี และบรรยากาศชีวิตที่ผ่อนคลายแบบ “เกาะใต้” ซึ่งเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลงรัก
เมื่อถึงสนามบิน Naha เวลาประมาณบ่ายสาม บรรยากาศอบอุ่น (อากาศร้อนมาก เหมือนไทย แต่เที่ยวเมืองตากอากาศ เที่ยวทะเลญี่ปุ่นก็ต้องร้อนแบบนี้อ่ะเนอะ เค้าบอกว่าถ้าเข้าหน้าหนาวทางเมืองจะปิดหาดไม่ให้ลงครับ เผื่อใครอยากมาหน้าหนาว) เกาะนี้ต้อนรับด้วยลมทะเลเบาๆ และกลิ่นแดดจางๆ ที่ทำให้นึกถึงภูเก็ต บ้านเรา
หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ผมมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อเช็กอินที่ Hotel JAL City Naha โรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางถนน Kokusai Dori Street พอดี เรียกได้ว่าแค่เดินออกจากล็อบบี้ก็เจอทั้งคาเฟ่ ร้านของฝาก และร้านอาหารเต็มไปหมด โลเคชั่นแบบนี้เหมาะมากสำหรับใครที่อยากเดินเที่ยวเมืองแบบไม่ต้องขับรถ ห้องพักสะอาด กะทัดรัดในแบบญี่ปุ่น น้ำแรง แอร์เย็น และเตียงนุ่มกำลังดี หลังวางกระเป๋าและล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกไปเดินเล่นย่านสุดคึกคักของเมือง Naha
ส่วนของห้องพักแนะนำให้นอน 2 เตียงแบบนี้นะครับ ห้องจะใหญ่กว่าเตียงเดียว
ห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำเล็กๆ เหมือนเดิม น้ำแรง ร้อน มีชักโครกระบบอัตโนมัติ
วิวโอกานาว่ายามเย็นก็ประมาณนี้เลย
เดินเล่นถนน Kokusai Dori Street
ถนน Kokusai Dori เป็นเหมือนหัวใจของเมือง Naha ยาวราว 1.6 กิโลเมตร สองฝั่งทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านของฝากพื้นเมืองที่ตกแต่งด้วยลวดลายชิซ่า (สิงโตโอกินาว่า) สีสันสดใส เสียงเพลงญี่ปุ่นคลอเบา ๆ และกลิ่นอาหารย่างลอยมาเป็นระยะ ทำให้ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ผมเริ่มต้นเดินแบบไม่รีบ แวะดูของเล็กน้อย ถ่ายรูปบ้างระหว่างทาง ก่อนจะเจอร้านหนึ่งที่อดแวะไม่ได้ — Snoopy’s Surf Shop ร้านธีมสนูปปี้สุดน่ารักที่ขายเสื้อผ้าและของฝากแนวชายทะเล บรรยากาศในร้านอบอุ่น เพลงเพราะ และมีกลิ่นหอมของเทียนกลิ่นมะพร้าวอ่อน ๆ ทำให้เผลออยู่ในนั้นเกินครึ่งชั่วโมง
มื้อเย็น: ชาบูหมูอากู ร้าน NIKUGUKURU
หลังเดินเล่นจนเริ่มหิว ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องมาลองชาบูหมูอากูที่ร้าน NIKUGUKURU Beef & Steak Shabu-Shabu Restaurant เพราะหมูอากูถือเป็นของขึ้นชื่อของโอกินาว่า เนื้อนุ่มมาก มันน้อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
น้ำซุปของร้านนี้เบาๆ หอมคอมบุ การกินหมูอากูต้องกินกินคู่กับสาหร่ายพวงองุ่น (Umibudo) สาหร่ายพวงองุ่นที่นี่ ไม่คาวเหมือนที่ไทยครับ อร่อยมากกกกกก ซึ่งเป็นวัตถุดิบประจำเกาะ เนื้อหมูกับสาหร่ายเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ เคี้ยวแล้วกรุบ ๆ เค็มนิด ๆ เหมือนรสทะเลในคำเดียว ร้านตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูดี และพนักงานบริการน่ารักมาก หลังจากกินหมูอากูหมด ทางร้านจะเอาน้ำซุปที่เหลือมาต้มข้าวต้มต่อให้เรากิน หวาน หอม อิ่มตรงนี้
หมูอากูก็จะเสิร์ฟมาแบบนี้ อันนี้เป็นสำหรับ 2 คนนะครับ อิ่มกำลังดี ร้านนี้ Local มาก
ไม่เห็นนักท่องเที่ยวเลย เจอแต่คนญี่ปุ่นมากินกัน
สาหร่ายพวงองุ่น ไม่คาวเลย อร่อยมาก
ลวกแล้วเนื้อนุ่ม ละลายในปาก ใครไม่กินน้าพลาดบอกเลย !!! แต่…
หมูอากูแทบจะมีอยู่ทุกร้านแถวนั้น ปิ้งย่าง เมนูอื่นๆ ก็ยังใช้หมูอากู ห้าๆๆๆๆๆ ลองกัน
เช้าวันใหม่ วันที่ 2 ของการเดินทางรวมไปเลย… เนอะ
วันแรกมาถึงก็สามโมงกว่าแล้ว กว่าจะได้ออกจากสนามบิน แต่ผมชอบการเดินทางแบบนี้นะครับ ไม่เหนื่อยมาก บินมาเมื่อยๆ ก็เดินเล่นเบาๆ แล้วเข้าพักผ่อนนอนเอาแรงก่อน ไปเที่ยววันต่อไป
เช้านี้ลองเดินมีอีกฝั่งเจอกับ ชิซ่า (สิงโตโอกินาว่า) สิงโตนำโชคของโอกินาว่า
อย่าลืมไปถ่ายรูปกันน้า
ระหว่างเดินเล่น…
เจอกับร้าน Pork Tamago Onigiri Makishi Market เมนูข้าวปั้นประจำโอกินาว่า
เดี๋ยววันท้ายๆ จะพาไปลองชิมกันน้า
ใครอยากลองชิม ใช้เวลารอประมาณ 30-45 นาทีน้า
ตลาด Makishi และ Tomari Iyumachi
ใครชอบเดินตลาดปลาญี่ปุ่น แต่ไม่อยากไปไกล ที่ Kokusai Dori Street ก็มีตลาดปลานะครับ จะเปิดประมาณ 11 โมงครับ เดินเข้าซอยไปหน่อยก็เจอ Makishi Public Market ตลาดปลาใจกลางเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ถนน Kokusai Dori ตลาดนี้เก่าแก่และเต็มไปด้วยร้านขายอาหารทะเลสด หอย ปลาสีสวย และผักพื้นเมือง รวมถึงเนื้อวากิว
ส่วนของด้านล่างจะเป็นร้านต่างๆ ส่วนของที่นั่งกินจะอยู่ทางด้านบนครับ
ถัดไปไกลหน่อย คือ Tomari Iyumachi Fish Market ตลาดขายส่งขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่อยากฟิวตลาดปลาจริงๆ มีกลิ่นเบาๆ ปลาสดๆ ที่เพิ่งขึ้นจากเรือ ร้านค่อยข้างเยอะ ปลาสดใหม่ อาหารทะเลดี แต่ที่นั่งน้อยไปหน่อย บางทีซื้อมาแล้วต้องยืนกิน ที่นั่งเต็มเป็นเก้าอี้ดนตรี ห้าๆๆๆๆๆ แต่ส่วนตัวผมก็ยังชอบตลาดปลาซึกิจิที่โตเกียวมากกว่า…
Minatogawa State Side Town
อิ่มเบาๆ จากตลาดปลา เดินทางกันต่อไปที่ Minatogawa State Side Town รวมคาเฟ่ ร้านของวินเทจ ร้านขนม ที่เคยเป็นที่พักของทหารอเมริกันมาก่อน ปัจจุบันกลายเป็นย่านชิคๆ บรรยากาศผสมกันระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกัน เหมาะกับการถ่ายรูปหรือจิบกาแฟตอนเย็น ช็อปของ Handmade และ Vintage เอาจริงๆ ส่วนตัวไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่มีที่ไปมาเช็คอินกันได้
พักเบรกที่ A&W Makiminato
ก่อนกลับเข้าเมือง แวะเติมพลังที่ A&W Makiminato ร้านเบอร์เกอร์เก่าแก่ที่เป็นตำนานของเกาะนี้ จุดเด่นคือรูทเบียร์โฟลตและเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกันที่หากินไม่ได้ในญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ ที่นี่ คนแน่นมาก แต่ต้องมาให้ได้ เป็นจุดเช็คอินที่คนมาเที่ยวโอกินาว่าไม่พลาด !!! ถ่ายรูปมาอย่างกับอยู่ อเมริกา ^^
ปิดท้ายคืนที่ 2 ที่ Yakiniku Panari
กลับมาถนน Kokusai Dori อีกครั้ง แต่คราวนี้เพื่อปิดท้ายวันด้วย Yakiniku Panari ร้านปิ้งย่างเนื้อวากิวกลิ่นหอมเตะจมูกตั้งแต่ยังไม่เข้าร้าน เนื้อที่นี่นุ่ม ละลายในปาก ย่างบนเตาถ่านแบบดั้งเดิม รสชาติสมคำร่ำลือจนต้องขอสั่งเพิ่มอีกจาน แนะนำเลยร้านนี้ สำหรับใครที่อยากจะกินปิ้งย่าง เนื้อวากิว
หลังจากอิ่มจนอารมณ์ดี ผมเดินกลับโรงแรม JAL City Naha ที่อยู่ไม่ไกล ถนน Kokusai Dori ยามค่ำคนเยอะเลยครับ ไม่ร้อนเหมือนกลางวัน อ้อ… ถ้าวันอาทิตย์ถนนเค้าจะปิดให้คนเดินช่วง 12.00 – 18.00 น. ด้วยน้า จบไปอีก 1 วันในโอกินาว่าจบลงด้วย ความรู้สึกทั้งเหนื่อย ร้อนและมีความสุข ทุกอย่างลงตัวตั้งแต่การเดินทาง อาหาร ไปจนถึงที่พัก…
ปล. ใครไปช่วงหน้าร้อนเตรียมอุปกรณ์กันความร้อนไปพร้อมน้า และใครอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม ของสถานที่ท่องเที่ยวและร้าน อาาหารเพิ่มเติม เดี๋ยวผมมีรีวิวแยกแบบละเอียดให้อีกบทความนึงน้า
























