ไหนๆ ใครชอบนั่งชิล Rooftop Bar บ้างยกมือขึ้น… ผมคนนึงหละครับที่ชอบนั่งชิลชมวิวกรุงเทพมากๆ ครับ วันนี้ผมไปรีวิวมาที่นึงแบบว่าแนะนำเลย แบบว่าดีงามพระรามแปด ห้าๆๆๆ วิวที่นี่ผมว่าพิเศษตรงที่… มุมมองบ้านท่านทูต พอดี๊ เขียวชะอุ่ม ล้อมไปด้วยตึกสูง มันทำให้ไม่อึดอัดครับ พอมี Space ให้หายใจ ต้องลองไปดูเองครับ จะเข้าใจ ^^
ก่อนจะไปรีวิวอาหาร รีวิวสถานที่กันก่อนดีกว่าเนอะ ที่นี่พิเศษตรงนี้เลยครับ วิวสวยๆ บรรยากาศดีดี๊
อุ๊ยคุยไปตั้งนานลืมบอกไปว่าวันนี้ผมไปรีวิวที่ไหน ? วันนี้ผมมารีวิวที่ “CHAR Restaurant and Rooftop Bar” @Hotel Indigo Bangkok บนถนนวิทยุครับ ผมเดินทางด้วยรถไฟฟ้าครับ ลงสถานีเพลินจิต เดินเข้าถนนวิทยุประมาณ 550 เมตร โรงแรมจะอยู่ซ้ายมือครับ ไม่ไกล ไม่ต้องขับรถไปรถติดมากๆๆๆ ครับ แถวนั้น #เมาไม่ขับด้วยเนอะ
ห้องอาหารจะอยู่ที่ชั้น 25 และ 26 ครับ เดี๋ยวเราไปดูที่ชั้น 26 กันก่อนนะครับ อยากเห็น Rooftop แล้น… พอขึ้นไปก็ประมาณนี้เลยครับ หน้าลิฟต์ เดินทะลุออกไปก็จะเป็น Rooftop ครับผม
ว้าววววว… สวยมั๊ยครับ ชอบมากๆ แบบว่าประทับใจเลย
ส่วนของที่นั่งบริเวณ Rooftop จะแบ่งเป็น เคาน์เตอร์บาร์ (หน้าบาร์) และเคาน์เตอร์บาร์ ริมระเบียงครับ
โต๊ะก็แบ่งเป็นด้านในและด้านนอกครับ
นอกจากนั้นยังมีส่วนที่เป็น Privacy นั่งแบบส่วนตั๊วส่วนตัว สังสรรค์กับเพื่อนๆ ได้
มุมแบบ 2 ภาพด้านล่างนี้นะครับ
แต่แนะนำให้จองก่อนนะครับ เดี๋ยวเต็ม มีแค่ไม่กี่โต๊ะเอง
อีกย่างคือต้องกินอาหาร 3,000 บาทขึ้นไปนะครับ
ถึงจะนั่งบริเวณนี้ได้ครับผม
แต่ถ้ามากันหลายๆ คนเกินอยู่แล้วครับ ได้ความเป็นส่วนตัว วิวดีขึ้นเยอะ ^^
มุมนี้ก็วิวสวยไม่เบาครับ
จากมุมนี้คืออย่างที่บอกไปว่าด้านนี้จะเป็นบ้านท่านฑูต จะเป็นที่โล่งๆ ต้นไม้มาเต็ม
จะเป็นเวิ้งต้นไม้ แล้วมีตึกสูงล้อมรอบ
ทำให้วิวที่เรามองออกไปไม่อึดอัด บางที่ ถ้าไม่สูงมากจะโดนตึกข้างๆ บังวิวจะแน่นๆ อึดอัดหน่อยๆ ครับ
อันนี้เป็นอีกมุมที่ผมว่าถ่ายรูปสวยมากๆ ครับ
นอกจากถ่ายไปทางวิวแล้ว ตรงนี้อย่าลืมไปถ่ายรูปกันนะครับ ^^
ตอนนี้ด้านบนอาจจะยังอบอ้าวอยู่นิสนึง
เราลงมาหาอะไรรองท้องกันซักหน่อยก่อนดีกว่าเนอะ เดี๋ยวจะมึนเร็วปาย ห้าๆๆๆ
ตรงนี้เป็นส่วนของชั้น 25 ครับ
ห้องอาหาร CHAR เค้าจะแบ่งเป็น ชาร์ ไพรเวทและชาร์รูฟท็อปบาร์ ครับ
ส่วนของชั้น 25 เพดานจะสูงโปร่ง กระจกใส กว้างขวาง
ที่นั่งมีหลายแบบครับ
ทั้ง เก้าอี้ตัวนุ่ม โซฟายาว เก้าอี้บาร์ หรือโซนที่ให้ความเป็นส่วนตัว
ส่วนของสไตล์การตกแต่งจะเป็นแนวเรโทรและอินดัสเตรียล สวนดูดี มีสไตล์ หรูหรามากครับ ^^
เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษมากๆ
ที่นี่… มีห้องส่วนตัวให้บริการด้วยนะครับ
เหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้สังสรรค์เป็นกลุ่มตั้งแต่ 10-24 คน ครับ ด้านนอกบางส่วนสามารถปิดม่าน
เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยนะครับ
ด้านล่างนี้ก็มี เค้าเตอร์บาร์ เหมือนกันนะครับ
แต่จะเป็นแนวหรูๆ หน่อย
พร้อมกันแล้วก็สั่งอาหารกันเลยดีกว่าเนอะ
เดี๋ยวจะได้ไปต่อกันด้านบน ^^
ระหว่างที่รออาหาร กินขนมปังไปพลางก่อนเนอะ
ขนมปังที่นี่เค้าทำเองครับ
หอม นุ่ม อร่อยมากๆ ครับ กินเพลินๆ ระหว่างรออาหารที่ส่ังไป
อ้อ… ที่นี่ เค้ามี Amuse Bouche เมนูเรียกน้ำย่อย สดใหม่ทุกวัน
เสิร์ฟให้เรา 3 อย่างฟรีก่อนอาหารจานแรกครับผม
ขอบอกว่าประทับใจมากครับ อาหารเรียกน้ำย่อย เรียกได้จริงๆ ครับ น้ำลายแตกฟองกันเลยทีเดียว ห้าๆๆๆ
อย่างจากแรกนี้ ทั้งสวยทั้งรสชาติดีมากครับ
อยากกินซัก 10 ที่ ห้าๆๆ
จานแรกนี้ก็คือ… “Oyster Salad with Pickle and Radish” รสชาติ เปรี้ยว แล้วหวานตาม สดชื่น น้ำลายแตก
ท้องร้องหาเมนูต่อไปกันเลยทีเดียวครับ ห้าๆๆๆ
เมนูต่อมาเป็น…
“Pittachio Soup Commete Cheese (French Cheese Semi Hard) Candy Pittachio Green Apple Whistling Wine”
ซุปหอมละมุน เนียน นุ่ม เข้มข้นกำลังดี อร่อยมากๆๆๆ อีกแล้วหลอ ^^
อีก 1 เมนูฟรี ก่อนที่จะเริ่มอาหารที่เราสั่งก็คือ…
“Beef Chick Garlic Butter on Top With Pickle Onion”
สวยมากๆ แทบไม่กล้ากิน ห้าๆๆๆ
เมนูนี้หยิบกินได้เลยครับ กรอบนอกนิดๆ นุ่มข้างใน
รสชาติกำลังดี
เมนูแรกของเราวันนี้ก็คือ… “Cod. Ossetra Caviar from Russia. Lemon Thyme” ราคา 1,300 บาท
เมนูนี้ในถ้วยจะมี 2 เลเยอร์ ด้านล่างเป็น ปลา Brandade Cod ส่วนด้านบนจะเป็น stock ที่ทำมาจาก ปลา Brandade cod ท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ Ossetra กินแล้วละลายในปาก นุ่มนวล ละมุนมากกก
ปกติไข่ปลาคาเวียร์ที่เคยกินมาจะเป็นเม็ด อาจจะต้องเคี้ยวนิดหน่อย
แต่… ไข่ปลาคาเวียร์ Ossetra นี้ ละลายในปาก ไม่ต้องเคี้ยวเลยครับ ฟินมากกกก
เมนูต่อมาเป็น “Slow Grilled Beetroot. Red Cabbage. Parmesan” ราคา 450 บาท
อาหารจานนี้ใช้เวลาปรุงถึง 17 ชั่วโมงครับ
เพื่อให้นำ้ของบีทรูทกลั่นออกมา ให้ความนุ่มและหอม ด้านนอกห่อด้วยผักกาดม่วงที่เซียร์ด้านเดียวบนกระทะ มีความนุ่มและหอมกรุ่น ด้านล่างเป็นซอสโบโลเนส ซอสสีขาวเป็น whey ซอสที่ทำมาจากชีสจะมีรสเผ็ดเล็กน้อย โรยหน้าด้วยชีสเพโคริโน่ พาเมซาน
เมนูนี้ก็ละมุนลิ้นไปอีก ห้าๆๆ อร่อยดีครับ ใครชอบกินผักแนะนำเมนูนี้เลยครับผม
เมนูต่อไปเผื่อใครไม่กินเนื้อ ผมแนะนำเป็น…
“Whole Sea Bass from The South of Spain. Cauliflower. Brioche Vinaigrette” ราคา 900 บาท
ปลากระพงขาวนำเข้าจากสเปน กริลล์แบบ Josper เตาถ่านแบบเปิด
หนังปลากรอบ (อร่อยตรงนี้บอกเลย) เนื้อปลานุ่ม รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟกับ Cauliflower Purée 2 แบบ ทำจากกะหล่ำปลี 4 หัว นำมาพูเร ได้รสสัมผัสที่แปลกใหม่เมื่อทานจับคู่กับไวน์ขาวและไวน์แดง
แม้เสียดายวันนั้นไม่ได้สั่งไวน์ ห้าๆๆๆ
นี่เลยครับ ของโปรดผมเลย ^^
กับเมนู “Rangers Valley Rib Eye” ราคา 2,220 บาท
เนื้อริบอาย ส่งตรงมาจาก Rangers Valley ประเทศออสเตรเลีย
ย่างแบบ Medium Rare ใช้เตา Hearth ให้ความร้อนสูงถึง 500-800 องศา ย่างด้วยความเร็ว ทำให้เนื้อยังคงความนุ่มชุ่มฉ่ำจริงจิ้ง ไม่เชื่อลองดูรูปด้านล่างได้เลยครับ ห้าๆๆๆ
ท็อปด้วย Confit Garlic Grilled โดยใช้ Beef Fat และกุ้ยช่ายขาว (White Chives)
ที่นำไปย่างให้รสชาติเหมือนกับเห็ดเข็มทอง (Enoki)
บอกเลยครับ ว่าเมนูนี้ฟินมาก สำหรับคนรักเนื้อแบบผม ใครชอบกินเนื้อแนะนำเลยครับ เนื้อชุ่มฉ่ำมากๆ ครับ
โคตรอร่อย ห้าๆๆๆ
เริ่มจะอิ่มอาหารคาว ได้เวลาของหวานกันแล้วจ้า
เริ่มกันที่เมนู…
“Homemade Yogurt Ice Cream. Passion Fruit. Virgin Coconut Oil” ราคา 400 บาท
จานนี้เชฟเอามาให้ชิมเป็นพิเศษครับผม
ของจริงจะขนาดใหญ่กว่านี้นะครับ ^^ แต่จะบอกว่ามันอร่อยมากๆ ครับ
ด้านบนเป็นเมอแรงและไอติมโฮมเมดโยเกิร์ต รสชาติละมุน
ส่วนด้านล่างเป็น Passion Fruit Curd/Coconut กินแล้วสดชื่นมากๆ ฟิน…
เหมือนจะเริ่มติดใจขนมของที่นี่แล้วซิครับ
ต่อกันด้วย…
“New York Cheesecake. Red Fruits” ราคา 450 บาท
เมนูนี้เป็น Signature Dessert ของที่นี่ครับ
จานนี้ก็จะประกอบไปด้วย Classic New York cheesecake, Red fruits มาขึ้นรูปเป็นเมอแรง ส่วนในสุดก็จะเป็น แตงโม บีทรูท และไวน์แดงรีดัคชั่น (Watermelon Beetroot and Red Wine Reduction) และไอศกรีมชีสเค้ก ครับผม
ปิดท้ายกันที่…
“Petit Four” ขนมชิ้นเล็กๆ พอดีคำเสิร์ฟ ฟรีอีกแล้วจ้า ^^
หลังมื้ออาหาร ประกอบไปด้วยขนม 3 อย่างที่แนะนำให้กินเรียงตามนี้น้า
1. ขนมปังสังขยา หอมเตาถ่านเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ CHAR Restaurant
2. จูป้าจุ๊ป ไวน์แซงเกรีย เนื้อสัมผัสเย็นชุ่มคอ เกล็ดน้ำแข็ง มีกลิ่นแซงเกรียอ่อนๆ
ปิดท้ายด้วย
3. ดาร์คช็อคโกแล็ตมูส Local Mulberry มูสช็อกโกแล็ตที่นุ่มละลายในปาก
พร้อมเท็กซ์เจอร์ความกรุบกรอบของคุ้กกี้ดาร์คช็อคโกแล็ตด้านล่าง
ฟินไปอีกก่อนกลับบ้าน
(แต่ผมไปต่อด้านบนน้า ห้าๆๆๆ)
มาครับ ต่อ… กันที่ชั้น 26 Rooftop Bar นั่งดื่มค็อกเทล ชิลๆ ชมวิวกรุงเทพ ยามค่ำคืนกันครับ ^^
บรรยากาศเริ่มได้ ห้าๆๆๆ
พอเริ่มค่ำ บรรยกาศเริ่มคึกคักครับ
มีดีเจมาเปิดเพลงให้ฟังกันซะด้วย ได้บรรยากาศไปอี้ก ห้าๆๆๆ
พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส สั่งค็อกเทลกันเลยซิคร้าบ รออะไร เนอะๆๆๆ ^^
เริ่มค็อกเทลแก้วแรกกันด้วย…
“Lady Pomelo” ราคา 330 บาท
ประกอบไปด้วย Gin, Vermouth Bianco, Cherry Blossom Syrup, Lemon, Pomelo Juice, Raspberry, St. Germain, Egg White
แก้วนี้เบาๆ สบายๆ ชิลๆ กันไปครับ
เหมาะกับสาวๆ ^^
แก้วกลาง อันนี้จะเข้มหน่อยครับ
ส่วนแก้วนี้ “Mocking Bird” ราคา 340 บาท
ประกอบด้วย Tequila, Dry Vermouth, Campari, Lime Juice, Pineapple Juice ครับผม
ครับผม เริ่มจาก 2 แก้วซ้ายขวาก่อน
แล้วเพิ่ม Level เป็นแก้วกลางแจ่มไปเลยครับ ขอบอก ห้าๆๆๆ
ส่วนแก้วนี้ก็จะเป็น “Jan Dara” ราคา 330 บาท
ประกอบด้วย White Wine, Vodka Berri Acai, Raspberry Pucker liqueur, Alovera Juice, Jelle Grape lemon เบาๆ ไม่แพ้แก้แรกครับ พอมีอะไรให้เคี้ยวเบาๆ ได้ความสดชื่นไปอีกแบบครับ
นั่งชิลๆ กันไปเนอะ ในพื้นที่ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ^^
หมดไป 3 แก้ว เริ่มแก้วที่ 4 กันเลยละกัน
“No. 3” ราคา 430 บาท
ประกอบด้วย G’Vine Floraison, Fever-tree Mediterranean Tonic Water, A drop of Pomranate Juice, Thyme และ Pomegranate ครับผม
แก้วนี้ขอบอกว่าแรงโคตร ไม่เชื่อดูขวดของเหล้าที่ใส่เข้าไปได้ครับ ห้าๆๆ #หัวกระโหลกก็มา
แก้วนี้มีชื่อว่า “Verte Passion” ราคา 420 บาท
ประกอบด้วย La Maison Fontaine Verte, Beefeater Gin, Passion Fruits, Orange and Lime Juice Basil Leaves ครับผม
แรงได้จายมาก แก้วเดี๋ยวทั้งคืน อยู่ครับ ห้าๆๆๆ
แก้วนี้ก็คือแก้วเหล็ก ซ้ายมือ รูปต่อไปนี้เลยครับผม #แก้วเดียวอยู่ ห้าๆๆ
“Golden Spicies” ราคา 320 บาท
ส่วนประกอบก็จะเป็น Tequila Resposado, Lemon Juice Passion Fruit Puree, Spicy mango ครับผม
เบาๆ เค็มนิด เผ็ดหน่อย เหมือนมะม่วงน้ำปลาหวานครับ ^^
จริงๆ ก็อิ่มน้า… แต่ขออะไรมาเป็นกับแกล้มซักนิดนึงก็แล้วกันเนอะ ^^
เริ่มกันด้วย “Tom Yum Goong Fries. Grilled River Prawn. Lemongrass” ราคา 330 บาท
กุ้งแม่น้ำสด เฟรนฟราย กรอบนอกนุ่มในซอสต้มยำอร่อย
ส่วนจานนี้ก็… “Crispy Calamari. Pickled Tea Leaves. Pepper Jelly” ราคา 350 บาท
เมนูนี้อร่อยครับ ผมช๊อบชอบ ห้าๆๆๆ
ปิดท้ายกันจริงๆ ละครับ สำหรับวันนี้
กับเมนู “Tuna Crostini. Spicy Tobiko Sauce. Grilled Sourdough. Avocado Relish” ราคา 550 บาท
เมนูนี้จะฝรั่งๆ นิสนึงครับ แต่ก็อร่อยดี ^^
นั่งกินค็อกเทล กินบรรยากาศ กรุงเทพ ยามค่ำคืนกันยาวปายยย…
เริ่มง่วงแล้วเนอะ Relax สุดๆ ไปเล้ย ได้เวลากับบ้านซักที มาสรุปภาพรวมของ CHAR Restaurant and Rooftop Bar Hotel Indigo Bangkok กันซักหน่อยดีกว่าเนอะ เริ่มจากบรรยากาศกันเหมือนเดิม สำหรับที่นี่ ผมให้เต็ม 10 เลยครับ ก็บรรยากาศมันดีจริงๆ อ่ะเนอะ ตามภาพด้านบนเลย เนอะๆๆๆ ^^
ส่วนของรสชาติอาหาร ก็อร่อยมากๆ ครับ แถมยังตกแต่งจานได้น่ากินมากๆ ครับ ส่วนของราคา ด้วยบรรยากาศ วัตถุดิบ สถานที่ ก็อาจจะสูงหน่อย แต่ก็คุ้มค่าครับ โอกาสพิเศษ สำหรับคนพิเศษ ผมแนะนำที่นี่เลยครับ บรรยากาศดี อาหารอร่อย ดีงาม ห้าๆๆๆ
CHAR Restaurant and Rooftop Bar อยู่ที่ชั้น 25 และ 26 โรงแรมโฮเต็ล อินดิโก้ กรุงเทพ ถนนวิทยุ ครับ
ส่วนของ…
- CHAR Restaurant and CHAR Private: เปิดให้บริการ ทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00น. – เที่ยงคืน
- CHAR Rooftop Bar: เปิดให้บริการ ทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00น. – 01.00น.
สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-207-4999 หรืออีเมล์ charbangkok@ihg.com ดูข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารได้ที่ Charbangkok.com หรือ www.facebook.com/charbangkok และ www.facebook.com/charrooftopbar ครับผม