ชิลริมทะเล สายลม และสองเรา ที่ The Glass House พัทยา
เฮลโล่วววว….หายจาก Blog ไปซะหลายวัน จนมือไม้แข็ง สมองอึน เขียน Blog ไม่ออกเลยทีเดียว รอบนี้มีหลายสิ่งมารีวิว มาเล่าสู่กันฟังหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งอาหารการกิน ทั้งที่เที่ยว (ติดตามได้จาก Post ถัดๆ ไปนะคะ ^^) ก็แหม…วันหยุดยาวเข้าพรรษากับอาสาฬหบูชา 4 วันติดขนาดนี้ ก็เลยออกไป Chill กัน 2 คน มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง ใกล้ๆ กรุงเทพจั๊กหน่อยค่ะ คิดกันไปมาก็เลยเลือกที่พัทยาแล้วกันใกล้ดี ขับรถ on the way ไปตามถนนมอเตอร์เวย์เดินทางแปบเดียวถึง แต่คิดผิดค่ะ…ขอบอกว่าหยุดยาวแบบนี้มันไม่แปบเดียวถึงค่ะ แง่กอยู่บนมอเตอร์เวย์หลายชั่วโมงเลยทีเดียวแหละ แถมมีฝนปรอยๆ เกือบตลอดทางเลย ก็แอบเซงนิดนึงค่ะ แต่เรื่องฝนแค่นี้ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเราทั้งคู่ค่ะเพราะจุดหมายเรารออยู่ข้างหน้า อิอิ
ทริปนี้ไปกัน 2 วัน 1 คืนค่ะ (รีวิวที่พักขอให้ติดตามกันต่อไป Coming Soon นะแจ๊ะ) อย่างที่บอกตอนแรกว่ารถติดอยู่บนมอเตอร์เวย์หลายชั่วโมงทั้งเมื่อย ทั้งหิว มาถึงพัทยาก็เที่ยงแล้วเพราะฉะนั้นเราจะไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องกินค่ะ ว่าแล้วก็ขับรถตรงดิ่งไปที่ร้านอาหารที่ฟ้ากับพี่สามได้ list ไว้มาจากบ้าน นั่นก็คือ “ร้าน The Glass House” ค่ะ จริงๆ เห็นมาจากรายการในทีวีอ่ะค่ะ หลายรายการละที่ไปถ่ายทำ ไปรีวิว เลยอยากไปลองซักหน่อยว่าบรรยากาศ อาหาร มันจะดีจริงมั้ยน้อ ?? แล้วเราก็มาถึงค่ะ
ร้าน The Glass House ตั้งเด่นเป็นสง่าติดริมทะเล ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่และทิวสนต้นสูงเรียงรายกันไปตามชายทะเลเลยค่ะ ในรูปด้านล่างนี้เป็นหน้าร้าน ที่เมื่อเราไปถึงเราก็ต้องไปติดต่อที่ตรงนี้ล่ะค่ะ ว่ามีที่นั่งมั้ย , โต๊ะเต็มอ่ะยัง อะไรแบบนี้ค่ะ จะมี พนง. รับรองอยู่ค่ะ
เข้ามาจะเจอป้ายแบบนี้ล่ะค่ะ ก็ทำตามนั้นถ้าคนเยอะก็ต้องนั่งรอคิวค่ะ แต่ว่าวันที่ฟ้าไปเป็นช่วงเวลาเที่ยงกว่าเกือบบ่ายแล้ว ไม่ใช่ช่วงไพร์มไทม์อย่างช่วงเย็นที่คนจะมาดินเหนียว เอ้ย!! ดินเนอร์กัน โต๊ะก็เลยมีเยอะค่ะ ไม่ต้องจองและที่สำคัญคือไม่ต้องรอเลย พนง. ก็จะพาเราเข้าไปเลือกที่นั่งค่ะ อยากได้ที่นั่งแบบไหน บนหาดทรายเลยมั้ยหรือจะนั่งในส่วนที่เป็นตัวร้านด้านใน ก็บอกน้องเค้าได้เลยค่ะ แต่ขอย้ำนะคะ ขีดเส้นใต้ไว้เลย….ว่าเป็นช่วงเวลากลางวันแบบนี้ ถึงจะพอมีโต๊ะว่าง ถ้ามาช่วงเย็นวันหยุดยาวละก็ ฝันค่ะ!!! ฝันว่าจะได้นั่งถ้าไม่จองคิวล่วงหน้า 7 วัน ห๊าาา!?!?!?….ล่วงหน้า 7 วัน ฟังไม่ผิด อ่านไม่ผิดค่ะ ควรต้องจองล่วงหน้า 7 วัน ข้อมูลนี้ พนง. บอกมาค่ะ ฟ้าไม่ได้มโนเอง 555
คงกำลังสงสัยกันอยู่ป่ะคะ ว่าทำไมถึงเรียกว่า The Glass House นี่อาจจะเป็นที่มาของชื่อร้าน The Glass House ค่ะ โซนนี้เป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ที่ตกแต่งโดยรอบเป็นกระจก ขอเรียกว่าบ้านกระจกแล้วกันนะคะ อิอิ
ด้านในของบ้านกระจกนี้ก็จะเป็นพวกเบเกอรี่ เค้ก อะไรแบบนี้ค่ะ และก็มีที่นั่งให้นั่งเล่นไป ชิมเบเกอรี่ไปก็ได้อารมณ์ไปอีกค่ะ แต่อุตส่ามาทะเล นั่งร้านอาหารริมทะเลทั้งที ไม่มีใครเข้าไปนั่งในบ้านกระจกนี้เท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่นั่งชิลรับลมทะเลกันข้างนอกมากกว่าค่ะ
การตกแต่งภายในบ้านกระจกสวยดีนะคะ มีทั้งแนวงานหวายและก็แบบโซฟาค่ะ ตกแต่งออกแนวทะเลๆ มีเรือ มีนู่นนี่เข้ากับบรรยากาศริมทะเลค่ะ
เผื่อใครอยากดื่มไวน์ ที่ The Glass House ก็มีค่ะ แต่วันนี้ไม่ได้จิบไวน์ก็เลยไม่ได้ถามรายละเอียดไวน์และราคามาด้วย
มีบาร์น้ำบริการ ใครที่อยากได้อารมณ์แบบดื่มคนเดียว นั่งคนเดียว สั่งกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มโลดค่ะ
มาดูบรรยากาศร้าน The Glass House ด้านนอกกันบ้างค่ะ โซนนี้เป็นโซนด้านข้างของร้าน โต๊ะที่นั่งจะไม่ได้อยู่บนทรายชายหาดค่ะ ส่วนใหญ่คนที่มาเป็นครอบครัวใหญ่หรือเพื่อนฝูงมาเยอะ ก็จะนั่งกันที่โซนนี้ค่ะ
มาดูโซนที่ริมทะเลกันบ้างค่ะ มีโต๊ะเยอะเหมือนกัน โต๊ะนึงก็นั่งได้หลายคนค่ะ อากาศวันนั้นแดดไม่ค่อยมี ฝนก็ไม่ตก กำลังดีเลย โซนที่ฟ้าเลือกนั่งจะเป็นโซนที่หันหน้าเข้าทะเลเลยค่ะ กินอาหารกันไป ดูคนเล่น Kite Surf ไป บรรยากาศดีเลยทีเดียว
ตอนแรกเดินเข้ามาเจอกับตู้โทรศัพท์ก็คิดว่าเป็น prop ตกแต่งของทางร้านแต่จริงๆ มันมีนัยยะมากกว่านั้นค่ะ มันคือที่ที่เมื่อ พนง. รับออเดอร์จากลูกค้าไปแล้วก็จะมากดๆๆ ที่จอมอนิเตอร์ที่ตู้โทรศัพท์นี้ค่ะ ก็เก๋ดีค่ะ
มาดูอาหารที่ออเดอร์กันบ้างค่ะ เริ่มที่อย่างแรก “ปลาหมึกผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์” ค่ะ เป็นปลาหมึกชุบแป้งทอดผัดแห้งๆ รวมมากับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกไทยอ่อน ใบมะกรูด แต่แทบจะไม่ได้กลิ่นของพริกไทยอ่อนเลย ส่วนตัวปลาหมึกก็อร่อยดีค่ะ เด็กๆ น่าจะชอบค่ะ
ต่อมาเป็น “ไก่ทอดน้ำปลา” เมนูนี้ก็อร่อยเหมือนกันค่ะ ไก่ทอดแห้งๆ กลิ่นน้ำปลา เค็มนิดๆ ค่ะ
ต่อกันด้วย “แกงส้มเนื้อปลาอินทรีย์ทอด” รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ เข้มข้นแต่ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ค่ะ เนื้อปลาอินทรีย์ทอดอร่อยดีค่ะ
สั่งอาหารมาพร้อมแล้ว ก็ต้องสั่งข้าวมาด้วยค่ะ เลือกสั่งเป็น “ข้าวอบสับปะรด” ค่ะ เสิร์ฟมาในถ้วยใหญ่เลย กินกัน 2 คนได้พอดีเลย อร่อยค่ะ ข้าวนุ่มนิ่ม ใส่เครื่องมาเต็มๆ แต่ฟ้าไม่กินกุ้งก็เลยเสร็จพี่สามไปโดยปริยาย 555
แล้วก็ได้เวลากิน กิน กิน จนแก้มตุ่ย อิ่มมาก ท้องเป่งเลย ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มที่สั่งมาวันนี้ ฟ้าสั่งน้ำเปล่า พี่สามสั่งเป็นน้ำมะพร้าวปั่นค่ะ ตัวน้ำมะพร้าวปั่นไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็พอกินได้ มันจืดยังไงไม่รู้ค่ะ
โดยรวมแล้วบรรยากาศร้าน รสชาติอาหารโอเคนะคะ แต่งานนี้ต้องขอบ่นหน่อยค่ะ เรื่องการสั่งอาหาร วันนี้ฟ้าสั่งไป 4 อย่าง (ไม่นับรวมเครื่องดื่มนะคะ) โดยที่ 3 อย่างแรก คือ ไก่ทอดน้ำปลา , ปลาหมึกผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ , ข้าวอบสับปะรด รอซักระยะนึงก็มาเสิร์ฟ ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่เรารับได้ค่ะ อาจจะนานไปนิดเพราะลูกค้าเยอะ เราเข้าใจค่ะ แต่แกงส้มเนื้อปลาอินทรีย์ทอดนี่รอนานมากกกกกกก มากถึงมากที่สุด ตามกะน้อง พนง. ไป สามรอบ ยังไม่ได้ จนกินอาหารอย่างอื่นเกือบจะหมดแล้ว จนสุดท้ายตามอาหารกะ พนง. ผู้ชายคนนึง ซักพัก พนง. คนนี้ก็เดินออกมาบอกว่า ครัวกำลังจะทำให้ยังจะรับอยู่มั้ยครับ ??? เอ้ออออ…..ดีจุงเบยกลับมาถามลูกค้าแบบนี้ แต่ด้วยความหิวแล้วก็ยังอยากชิมแกงส้มเมนูนี้ก่อน ก็เลยบอกไปว่า โอเค…รอค่ะ รีบๆ หน่อยละกัน แค่นั้นแหละค่ะ อีกไม่ถึง 15 นาทีเมนูแกงส้มนี้ก็มาเสิร์ฟ มันหมายควาย เอ้ย…หมายความว่าไงคะ ??
สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าคนจดออเดอร์ลืมจดหรือแม่ครัวลืมทำกันแน่ การบริการก็ดีในระดับนึงค่ะ แต่เวลาเราต้องการอะไรเพิ่มเติม จะเรียก พนง. ยากมาก ดูยุ่งกันมากเลยจนเราที่เป็น “ลูกค้า” เนี่ยเกรงใจที่จะสั่งอะไรเพิ่มเติม (แต่เวลาคิดเงินนี่ไวนะคะ เหอะๆๆ)
อ้ออออ….ลืมบอกไปเรื่องที่จอดรถค่ะ ทางร้านมีบริการที่จอดรถที่กว้างขวางมากทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ เพราะทางร้านลูกค้าเยอะมากๆๆๆ ที่จอดรถยิ่งเยอะยิ่งดีค่ะ
ตรงที่จอดรถก็มีห้องน้ำบริการค่ะ แอบเห็นมีห้องอาบน้ำด้วยนะ เผื่อว่าลูกค้าลงไปเล่นน้ำทะเลจะได้ขึ้นมาล้างตัวได้ค่ะ
พิกัดของที่ร้านนี้ก็ให้ชับรถมาจนถึงพัทยาใต้ แล้วตรงไปทางสัตหีบ มองทางซ้ายมือพอถึงโรงละครอลังการให้เตรียมชิดขวาเพื่อกลับรถ พอกลับรถแล้วจากนั้นจะเจอปั๊ม Shell ค่ะ เลยมานิดนึงจนเห็นป้ายซอยนาจอมเทียน 10 เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ ตรงไปซักระยะนึงจะเจอกับร้านเลยค่ะ หาไม่ยากเลย
ใครที่ชอบบรรยากาศริมทะเล ลองไปกันดูนะคะ มีคลิปส่งท้ายมาให้ดูกันด้วยค่ะ ^^
Related Articles