ดินเนอร์ชิวๆ กินอาหารอิตาเลี่ยนและเครื่องดื่มแบบไม่อั้น @Medinii The Continent Hotel
เย็นวันอาทิตย์ หลังจากที่ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาทำ IS เสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่จะไปพักผ่อน ดินเนอร์แบบชิวๆ คลายเครียดกันซักหน่อย มื้อค่ำของวันนี้ เราได้รับการทาบทามให้ไปชิมอาหารอิตาเลี่ยน ที่ The Continent Hotel สำหรับที่นี่เค้าขึ้นชื่อว่า “Best Pasta and Pizza in Town” อยากลองมานานและแต่ไม่มีโอกาสซักที วันนี้จัดให้หนักเลย ห้าๆๆ ^^
ประมาณ 4 โมงกว่า ก็เริ่มเดินทางออกจากบ้าน ไปจอดรถไว้ที่รถไฟใต้ดินลาดพร้าว นั่งใต้ดินต่อไปสถานีสุขุมวิท ออกประตู 2 เงยหน้าขึ้นไป นี่หละครับ จุดหมายของเรา
เดินเลี้ยวซ้ายไปนิดหน่อยก็จะเจอทางเข้าโรงแรม เดอะ คอนทิเน้นท์
ห้องอาหารที่เราจะไปกินกันวันนี้อยู่ที่ชั้น 35 ครับ
อย่ารอช้าเลยครับ ไปลุยกันเลย
ปล. แอบมีแถมขึ้นไปจิบค็อกเทล เบา เบา ที่ชั้น 38 ด้วยหละ 555+
หลังจากที่ออกลิฟต์มา …
ก็ถึงห้องอาหาร Medinii Italian Restaurant มืดนิดนึง
แต่พอเข้ามาด้านใน วิวชั้น 35 สวยมว๊ากกก
ใครจะมากินอาหารที่นี่ แนะนำว่า ให้มาก่อนพระอาทิตย์ตกดินนะครับ
จะได้ 2 บรรยายกาศ
กินไป ชิวไป ชมพระอาทิตย์ตกดิน ^^
มุมนี้ผมชอบสุดครับ
ใครมากับแฟนหรือเดทแรก แจ่มอยากบอกใคร 555+
ส่วนของมุมนี้น่าจะเหมาะสำหรับสังสรรค์กับเพื่อนๆ Hangout กันเบา เบา
ส่วนของบรรยายกาศก่อนพระอาทิตย์ตก
เก็บภาพเพียงเท่านี้ก็ละกันเนอะ
หาอะไรกินกันก่อน
เดี๋ยวชมภาพหลังพระอาทิตย์ตกกันอีกที สวยไม่แพ้กัน
บรรยากาศดีมากกก
สำหรับมื้อเย็นที่ห้องอาหาร Medinii Italian Restaurant มีให้เลือก 2 แบบ คือ
A La Carte และ Free Flow Promotion
ผมว่าแบบ Free Flow Promotion ที่นี่คุ้มใช้ได้สำหรับคนชอบดื่ม ^^
เริ่มกันเลยดีกว่า …
ก่อนอาหารจะมาถึงเรียกน้ำย่อยกันก่อน นิสนึง ด้วย ค็อกเทลและไวน์ แบบไม่อั้น
เครื่องดื่มใน Free Flow Promotion ก็จะมี ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล และ ซอฟดริ้ง
ใครถนัดแบบไหนเลือกได้เลย
วันนี้ขอแบบเบา เบา ไวน์ขาว 1 ไวน์แดง 1 ค็อกเทล 4 แก้ว
(แบบนี้เรียกว่าเบา ป่ะ 555+)
หลังจากลงคะแนนกันแล้ว
ผมกับฟ้า ชอบ Blue Margarita, Daiquiri (แก้วที่ 1 กับ 3)
แก้วนี้ชอบเป็นพิเศษ ^^
นั่งจิบไวน์อยู่ซักพัก เรียกน้ำย่อย อาหารก็เริ่มมาเสิร์ฟ แล้วจ้า
ส่วนของ พาสต้า พิซซ่า สั่งได้แบบไม่อั้น
แต่ Main Course กับ ของหวานสั่งได้ อย่างละ 1 ที่ครับ
ส่วนของ พาสต้า พิซซ่า จะจานใหญ่หน่อย
มา 2 คนอาจจะสั่งได้ไม่กี่อย่างเนอะ
สำหรับวันนี้ ทางโรงแรมเลือกจานเด็ดมาให้ครับ
เริ่มจาก Aglio E Olio : Pasta with garlic, hot chilli and sun-dried tomatoes
เค้าบอกว่า รสชาติเข้มข้น ไม่เหมือนที่อื่น
จากที่ชิมแล้ว รสชาติ น่าจะเหมาะสำหรับคนไทยอย่างเราครับ เข้มข้นจริง ^^
เมนูต่อมา …
Carbonara : Bacon, egg yolk, black pepper, pecorino, cheese in cream sauce
เมนูนี้ชีสมาเต็ม เหมือนจะรู้ ว่าเรา 2 คน ชอบชีสมากกก
รสชาติ ครีมนุ่มละมุนกำลังดี ไม่หวานมาก ไม่เลี่ยน อย่างที่เค้าว่าจริงๆ
มาถึงพิซซ่ากันบ้างครับ
ถาดนี้เสิร์ฟมาแบบ 2 หน้า คือ BBQ CHICKEN และ PARADISO แป้งบางกรอบ
PARADISO ประกอบไปด้วย Mozzarella, Ham, Mushrooms. Parmesan, Cream หวาน หอม
ส่วน BBQ CHICKEN จะหวาน เผ็ดนิดหน่อย อร่อยใช้ได้
ต่อกันเลยเนอะ กับ Main Course ที่เค้าแนะนำ
ส่วนของผมเป็น Wagyu Beef Short Rib เหมือนจะรู้ว่าผมชอบกินเนื้อ ^^
วิธีการปรุง และส่วนประกอบ
Slow cook for 24 hours with garlic mash potato, carrot cautiflower and pommery sauce
มารสชาติกันหน่อย
ผมชอบมากครับ เนื้อเค้านุ่ม หวาน อร่อย
กินเนื้อวากิว จิบไวน์แดงไป ฟินเวอร์
มาถึง Main Course ของฟ้าบ้าง
เมนูนี้ได้แก่ …
Fish glue seared salmon & seabass tomato salsa sauce with white wine
เมนูนี้น่าสนใจตรงเคล็ดลับการปรุง ซึ่งได้มาจากเชฟ Michelin Star
เราอาจจะเห็นว่าปลาที่เสิร์ฟมีชิ้นเดียว แต่จริงๆ แล้ว เป็นปลา 2 ชนิดนะครับ
เอามาประกบกันด้วยกาวที่ปรุงพิเศษ จนเป็นเนื้อเดียวกัน เนียนมาก
ส่วนของรสชาติ รสชาติใช้ได้ แต่เนื้อปลาแข็งไปนิด
หลังจากจัดการ Main Course เสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาขนมหนมหวานกันแล้น
เมนูที่สั่งไปได้แก่ … CREME BRULEE
ขนมหอม หวานกำลังดี โรยน้ำตาล Burn ไหม้นิดๆ กรุบกรอบ
ด้านบน มีกีวี่ สตอเบอรี่ บลูเบอรี่ เปรี้ยวๆ ใช้ได้
ด้านบนนี้ทั้งหมดเป็นอาหารในส่วนของ Free Flow Promotion นะครับ
ราคาค่าใช้จ่ายเดี๋ยวขอสรุปทีเดียวด้านล่างก็แล้วกันเนอะ ^^
…
…
แต่ถ้าใครกินน้อย อยากกินอาหารเมนูเด็ดอื่นๆ ของที่นี่
มื้อเย็นของที่นี่ก็มีอาหารแบบ A La Carte ครับ
มาดูกันหน่อย มีอะไรน่ากินบ้าง ?
เมนูแรกที่น่าสนใจในส่วนของ A La Carte ก็คือ …
Granchi E Calamari Fritti: Crab cake and cristpy calamari served with honey mustard dressing
ราคา 240++ บาท
เมนูนี้ผมชอบส่วนของ Crab Cake รสชาติจัดจ้าน รสชาติ ไทยๆ อร่อยดีครับ
ส่วนของทอดกรอบนอกนุ่มใน
ตามมาด้วย Calzone: cheese, meat and vegetable ราคา 300++ บาท
เมนูนี้ผมว่าแป้งแข็งไปนิด
เมนูสุดท้าย
ผมกับฟ้าชอบเป็นเสียงเดียวกัน
Merluzzo Al Pomodora : pan fried snow fish served with green pan puree, wild rocket and tomato sauce
ราคา 600++ บาท
เป็นเมนูปลาหิมะชิ้นหนา เนื้อหวาน สด อร่อย เนื้อปลาที่ว่าแน่นหนา นุ่มแล้ว
ซอสที่เสิร์ฟมาด้วยเด็ดกว่า
เมนูนี้ โรงแรม recommend สุดๆ
ซอสดังกล่าวเป็น ซอสมะเขือเทศ ที่ผ่านกระบวนการตุ๋นและเคี่ยวด้วยสมุนไพร
จากนั้นทำการกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้ซอสใสและรสชาติเข้มข้น
ใช้เวลา 1 วัน กว่าจะได้ซอสถ้วยนึง
ใครไปกินแบบ A La Carte อย่าลืมจัดเมนูนี้นะครับ การันตี ^^
กินกันไป ชิวกันไป คุยโน่นนี่กับฟ้า ก็ได้เวลากลับบ้านละ
พรุ่งนี้ทำงานแค่เช้า
แต่ก่อนกลับ ที่นี่กลางคืน สวยไม่แพ้กลางวันเลย
อดใจไม่ไหว
เก็บภาพมาฝากกันอีกซักหน่อย
ไฟสลัว ผ่อนคลาย ด้านนอก วิวเมืองกรุงเทพ ยามค่ำคืน แจ่มไปเลยเนอะ
ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะ บรรยายกาศ ดี๊ดี อ่ะ
ดึกแล้น กลับบ้านกันดีกว่า …
มาสรุปภาพรวมและค่าใช้จ่ายกันหน่อยเนอะ บรรยายกาศของร้านดีมากครับ นั่งชิวๆ สบายๆ วิวสวย ไม่ผิดหวัง การเดินทางสะดวกสบาย ไม่ไกลจากแยกอโศก รสชาติของอาหารอร่อยใช้ได้ โดยเฉพาะเมนูพิเศษที่แนะนำไปครับ
ราคา Free Flow Promotion ของ Medinii Italian Restaurant จะมีราคา 999++ 1,999++ และ 2,999++ ที่ผมกับฟ้าไปกินจะเป็น 999++ ความต่างกันในแต่ละราคา ก็คือเมนูให้เลือกต่างกัน ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ไฮไลท์ของ 1,999+ ก็จะเป็นเมนูล็อบสเตอร์ (LOBSTER) เพิ่มขึ้นมา ส่วน 2,999++ ก็จะเป็นตับห่าน (FOIE GRAS)
สำหรับ A La Carte ก็จะเป็นราคาตามเมนูครับ
ทางโรงแรมมีโปร Golden Wednesday อยู่นะครับ (ทุกวันพุธ) มา 3 จ่าย 2 สำหรับ Italian Lunch Buffet และ มา 4 จ่าย 3 สำหรับมื้อค่ำทุกโปรโมชั่นครับผม
ปล. แอบติดใจวิวของโรงแรม The Continent Hotel มากๆ เลยขอแอบขึ้นไปชั้น 38 อีกนิด รีวิวนี้ยาวไปละ ใครสนใจคลิกอ่านรีวิวของ Axis & Spin ที่ชั้น 38 ได้ที่นี่เลยครับ ^^
Related Articles