ลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงโปรตุเกส อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ^^
รีวิวท่องเที่ยวเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ สเปน-โปรตุเกส มรดกโลก 10 วัน ของผมครับ ซึ่งไปมาซักพักใหญ่ๆ แต่ยังไม่ได้รีวิวกันเลย T_T ห้าๆๆ
วันนี้ผมก็เลยขอพาเที่ยวชมเมือง ลิสบอน (Lisbon) หรือ ลิชบัว (Lisboa) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของคาบสมุทรไอบีเรีย ที่ผมตั้งชื่อว่า “อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น” เนื่องมาจากลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีภูมิอากาศอบอุ่นที่สุดในยุโรป ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากกระแสน้ากัลฟ์สตรีม
ไปเที่ยวกันดีกว่า …
เมื่อคืนนี้ เรานอนกันที่ LISBOA ALMADA HOTEL เช้านี้อากาศดี เย็น สบาย ไม่หนาวมาก
พอออกจากโรงแรมก็ขับรถชมเมืองกันก่อน
นั่งรถไปถ่ายรูปไปเริ่มจาก Restauradores Square จตุรัสนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1640
หลังจากประกาศอิสระภาพจากสเปน 60 ปี
ก่อนหน้านี้โปรตุเกสอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน
ทั้ง 2 ฝั่งจะมีรูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงชัยชนะ และ อิสระภาพ
สำหรับจุดแรกที่เราแวะถ่ายรูปกัน วันนี้ !!!
ก็คือ Rossio Square (Praça de D. Pedro IV) เป็นใจกลางเมืองของ ลิสบอน นั่นเองครับ
ตรงกลางจตุรัสจะมาเสาหินที่มีรูปปั้นของ King Pedra IV ตั้งอยู่
ขอซูมไปที่ King Pedra IV ซะหน่อย >.<
เมืองลิสบอน เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2298 (ค.ศ. 1755) และตามมาด้วยคลื่นสึนามิที่โถมเข้าทำลายหลังเกิดแผ่นดินไหวได้เพียงไม่กี่นาที ทำให้ชาวลิสบอนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
ภาพด้านล่างนี้ยังพอจะภาพความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งให้เห็น นั่นก็คือยอดโบสถ์ที่หายไป
บริเวณนี้เคยได้รับความเสียหายหนัก แต่ก็มีการปรับปรุงให้สภาพคล้ายเดิม สวย คลาสสิค เหมือนเดิม
เห็นบ้านเมืองเก่าๆ แบบนี้ แต่มีรถไฟใต้ดินนะครับ ^^
ใครอยากจะมาที่นี่โดยรถไฟใต้ดินก็ลงที่สถานี Rossio ได้เลย
เอกลักษณ์หนึ่งของเมืองลิสบอนที่ผมชื่นชอบ “รถรางไฟฟ้า” นั่นเอง
มีทั้งแบบที่มีการปรับปรุงให้ดูทันสมัย
… หรือ …
แบบโบราณ สวย คลาสสิค เห็นแล้วอดถ่ายรูปไม่ได้ ซ้ากที
ความระโยงระยางของสายไฟฟ้ารถราง มันเก๋าดี
ข้างทางยังคงมีอาชีพขัดรองเท้า อยากลองเหมือนกัน แต่เกรงใจพี่เค้า ยังไงก็ไม่รู้
(ไม่ได้ใส่รองเท้าหนังซะด้วย)
เดินมาอีกหน่อยก็เจออนุสาวรีย์ อีกแล้วจ้า
เยอะจัด อันนี้ไกด์ไม่ได้อยู่ด้วย เลยไม่รู้ว่า คือ … อะไร ห้าๆๆ
เดินเล่นอยู่ซักพัก ไปเที่ยวที่อื่นต่อกันดีกว่า …
มาชมวิวแม่น้ำเทกัส (อังกฤษ: Tagus), แม่น้ำตาโค (สเปน: Tajo) หรือ แม่น้ำเตชู (โปรตุเกส: Tejo)
ชื่อเยอะจริง อะไรจริง (ข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย)
ตอนนี้เราอยู่โปรตุเกส เรียก แม่น้ำเตชู ก็แล้วกันเนอะ เตชูเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในคาบสมุทรไอบีเรีย มีความยาว 1,038 กิโลเมตร โดยอยู่ในสเปน 716 กิโลเมตร เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างโปรตุเกสกับสเปน 47 กิโลเมตร ส่วนระยะทางที่เหลือ 275 กิโลเมตรอยู่ในโปรตุเกส
สะพานที่เห็นไกลๆ นั้นมีชื่อว่า “25 April Bridge”
สะพานนี้สร้างขึ้นในปี 1966 หน้าตาคล้ายสะพาน Golden Gate ที่ ซานพรานซิสโกเลยเนอะ ^^
แท่นที่เห็นคล้ายไม้กางเขนปลายสะพานฝั่งนึง
จะเป็นรูปปั้นพระเยซู คล้ายกับ ริโอ เดอ จาเนโร ที่บลาซิล
ที่คล้ายกันก็เพราะ Cardinal Patriarch แห่งลิสบอนที่ได้ไปเยือน ริโอ เดอ จาเนโร
ได้แรงบันดาลใจ เลยปั้นรูปปั้นนี้ขึ้นมา … นั่นเองครับ
มาถึง 1 ไฮไลท์ที่ต้องมาถ่ายรูปกัน
“Belem Tower (Torre de Belém)”
Belem Tower ถูกการประกาศให้เป็นมรดกโลก
จุดประสงค์ที่สร้างหอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการป้องกัน ข้าศึก ศัตรู ที่เข้ามาบุกรุก
ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเตชู
ช่วงที่ผมไปกำลังอยู่ในช่วงปิดปรับปรุงพอดี เลยได้ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
ดีนะครับ จริงแล้วมีผ้าใบกั้น แต่เค้าเปิดประตูพอดี เลยได้ถ่ายภาพนิดหน่อย ทางด้านใน
ถ้าไปช่วงน้ำขึ้นจะสวยยิ่งขึ้นครับ
Belem Tower ถือได้ว่า … เป็นสัญลักษณ์ในยุคสมัยแห่งการแสวงหาอำนาจทางทะเลของโปรตุเกส
ตากแดดมาก
เริ่มร้อน … ไปต่อกันที่ Monument to the Discoveries ดีกว่าครับ
Monument to the Discoveries (Padrão dos Descobrimentos) เป็นสัญลักษณ์ของการเดินเรือเพื่อเปิดโลก
โปรตุเกสขึ้นชื่อมากในเรื่องของการเดินเรือ
Monument to the Discoveries
ถ้าเราลองสังเกตดู จะเห็นว่ามีรูปปั้นของกษัตริย์ ทหาร นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ จิตรกร และอื่นๆ
นั่นก็หมายความว่า … การเดินเรือ ไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องอาศัยศาสตร์ต่างๆ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เหมือนทุกวันนี้
ซึ่งการเรื่องเล่าต่อกันมี ว่า … ชาวโปรตุเกสได้ล่องเรือไปเจอประเทศอินเดีย
พบเห็นเครื่องเทศต่างๆ น่าสนใจ จะนำไปขายในราคาแพงที่ยุโรป ได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ
จนทำให้โปรตุเกสมีความรุ่งเรือง และขยายอาณาเขตการค้าขายออกไป
นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงที่สุดของโปรตุเกส คือ วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างสูง
พระเจ้ามานูเอลที่ 1 จึงมีความตั้งใจสร้างโบสถ์เจอโรนิโม่ (Jeronimos Monastery)
เพื่อระลึกถึงควาสำเร็จในการเดินเรือของ วาสโก ดา กามา
โดยเดินทางจากลิสบอนไปยังทวีปแอฟริกาและอินเดียได้เป็นผลสำเร็จ
เมื่อกลับมาถึงได้นำเงินรายได้จากการค้าขายเครื่องเทศมาเป็นทุนเพื่อสร้างโบสถ์แห่งนี้
ทางด้านหลังของ Monument to the Discoveries จะมีแผนที่โลกที่แสดงให้เห็นถึงประวัติการเดินเรือ
การล่าอาณานิคมของโปรตุเกส
เห็นประเทศไทยมั๊ยครับ มีกับเค้าด้วย ^^
ด้านข้างแอบมีทีจอดเรือใบซะด้วย
ร้อนมั๊ยครับ ให้ทาย ห้าๆๆ
ไปชมสถาปัตยกรรม สวย สวย กันบ้าง
สำหรับที่นี่ ก็คือ …
“โบสถ์เจอโรนิโม่ (Jeronimos Monastery)”
สำหรับโบสถ์เจอโรนิโม่มีชื่อเสียงมาก
องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไปเรียบร้อย
ใครมาลิสบอน แล้วไม่ได้เข้ามาดูศิลปะปูนปั้น ที่สวยงาม พลาดอย่างแรง !!!
ตัววิหารจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ตรงกลางเป็นสนามหญ้า สามารถเดินได้รอบ
ชั้นล่างก็จะแบ่งเป็นห้อง มุมเล็ก มุมน้อยเยอะ
ขอบอกว่า เดินไม่ทั่วจ้า ^^
โบสถ์แห่งนี้สร้างมาแล้วกว่า 500 ปี เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งนั้นมาได้
โบสถ์แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมในแบบมานูเอลไลน์ (Manuelline)
ที่นี่คนเยอะใช้ได้เลยครับ
นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกันแต่ทางเข้า T_T
ลวดลายที่ของซุ้มประตู หน้าต่างและหัวเสา ต่าง ได้ถูกดัดแปลงมาจากพืชน้ำ เปลือกหอย และเชือกสมอเรือ ฯลฯ
จากที่เล่าไปเมื่อตะกี้
เมื่อ วาสโก ดา กามา เสียชีวิตลงศพของเขาได้ถูกฝังไว้ที่โบสถ์แห่งนี้
มาชมแท่นไว้ศพของวาสโก ดา กามา
นักเดินเรือผู้มีชื่อเสียงของโปรตุเกส กันหน่อย
ช่วงนี้ก็นั่งพักร้อน ชมสถาปัตยกรรม สวย สวย ไปพลาง พลาง ก่อนนะครับ
เดินชม โบสถ์เจอโรนิโม่ (Jeronimos Monastery) กันจนเมื่อย เหนื่อย และหิว
ขอแนะนำ !!!!
ร้านขนมที่มีชื่อเสียงของโปรตุเกส
ห่างจากโบสถ์เจอโรนิโม่ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะประมาณ 400 เมตร
ร้านนี้มีชื่อว่า “Pastei de Belem”
ส่วนขนมที่ขึ้นชื่อก็คือ … “ทาร์ตไข่”
สำหรับราคา ทาร์ตไข่ ราคาชิ้นละ 0.90 ยูโร (ประมาณ 40 บาท)
ไหน ไหน ก็มาถึงนี่แล้ว
ไม่ลอง ไม่ได้แล้ว เนอะ จัดมาเลย 6 ชิ้น ^^
ร้านนี้เปิดขายมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1837 ด้วยความที่เป็นต้นตำหรับ และมีชื่อเสียงเรื่องความอร่อย คนเยอะทีเดียว
คนที่นี่จะนิยมจิบกาแฟร้อนที่เสิร์ฟมาในถ้วยกาแฟกระเบื้องสีน้ำเงิน ขาว ตามแบบฉบับโบราณ
พร้อมทานคู่ขนมพื้นเมืองอย่าง คัสตาร์ด ทาร์ต อะไรประมาณนั้น
ไม่แปลกใจที่ร้านนี้จะยังคงมีชามโปรตุเกสมาต่อแถวซื้อ เหมือนกับนักท่องอย่างเรา
ได้ขนมที่ต้องการละ กลับไปขึ้นรถ กินกันบนรถก็แล้วกันเนอะ ^^
ส่วนของรสชาติ อร่อยจริงป่าว ขอบอกว่า อร่อยจริง อะไรจริงครับ แป้งเค้ากรอบมาก
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแป้งเค้าเป็นชั้นเลย ตอนกัดอย่าลืมเอามือรอง
ไม่อย่างนั้นจะร่วงเลอะเทอะ กรอบนอกนุ่มใน หอมอร่อยครับ
ลองไปชิมกันดู ^^
ระหว่างทางเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเซวิลญ่า (Seville)
ไกด์ก็ชี้ให้ดูท่อส่งน้ำโรมันที่ยังพอหลงเหลืออยู่
สิ่งมหัศจรรย์ด้านวิศวกรรมยุคโบราณ
สำหรับทริปนี้จะมีให้ชมกันเต็มๆ ที่เมืองเซโกเวียที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี
เอาไว้จะมารีวิวให้ชมกันนะครับ ^^
ใครที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรม การท่องเที่ยวประเทศ สเปน-โปรตุเกส น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีมากๆๆ ขอบอก ^^ รีวิวนี้ ยาวเกินไปละครับ ห้าๆๆๆ (กว่าจะเขียนจบ เล่นเอาเหนื่อยเอาการ) แต่ … ทัวร์ สเปน-โปรตุเกส ของผมยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับ ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแนวนี้ ติดตามอ่านกันได้ที่นี่ (www.Hello2Day.com) !!!
วันนี้ขอตัวไปหาอะไรอร่อย อร่อย กินก่อนนะครับ หิวแล้ว บ้าย บาย ลิสบอน ….
Related Articles